* ดัชนีดาวโจนส์ปิด +0.3% ที่ระดับ 19,942.16 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.57% และดัชนี Nasdaq ปิด +0.88%
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่ารายงานประชุมเฟดวานนี้จะแสดงถึงความกังวลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เร็วขึ้นภายใต้นโยบายว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ เพราะอาจเป็นการบังคับให้เฟดรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า มาตรการของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการปรับลดภาษีและค่าใช้จ่ายทางโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งปรับลดกฎเกณฑ์ ในภาคอุตสาหกรรมทางการเงิน
รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุเพิ่มเติมว่า กลุ่มนักลงทุนมีความกังวลว่ามาตรการของนายทรัมป์ อาจส่งผลต่อเงินเฟ้อ และผลักดันให้เฟดมีท่าทีที่แข็งกร้าวเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ประมาณการณ์ไว้
* ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นในเช้าวันนี้ ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยดัชนี MSCI ซึ่งไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิด +0.2%ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียอื่นๆ อาทิออสเตรเลียเปิด +0.4%
ด้านดัชนีนิกเกอิเช้านี้เปิด -0.17% จากการแข็งค่าของค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์
* นักกลยุทธ์การลงทุนจาก Rivkin Securities ระบุว่า ข้อมูล FOMC dot plots ของเฟด แสดงให้เห็นโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจำนวน 3 ครั้งในปีนี้ แต่ตลาดมองโอกาสว่าเฟดน่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เพียงแค่ 2 ครั้ง โดยตลาดจับตาการดำรงตำแหน่งของนายทรัมป์ ในช่วง 100 วันแรก ว่าจะสามารถดำเนินนโยบายได้ตามที่เคยหาเสียงไว้หรือไม่
* นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35. 75 – 36.00 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าต่อได้ จากกระแสเงินไหลเข้า ขณะที่หุ้นไทยวานนี้ปิดแดนบวก