• ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงใกล้ระดับต่ำสุดเดือนในรอบ 3 สัปดาห์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนกลับมาให้ความสำคัญต่อ “นโยบายการค้าของนายทรัมป์” โดยดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะระดับ 101.4 จุด ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 เดือนกว่า 1.1% ที่ระดับ 1.0590 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยนแข็งค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์บริเวณ 115.21 เยน/ดอลลาร์
• รายงานจาก ADP ระบุว่า จำนวนการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของเอกชนในเดือนธันวาคมออกมาแย่กว่าที่คาดที่ระดับ 153,000 ตำแหน่ง หรือปรับตัวลง 62,000 ตำแหน่งเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี ผู้อำนวยการนักวิเคราะห์ด้านเศรษฐศาสตร์ประจำสถาบันมูดี้ส์ (Mood’s) กล่าวว่า การจ้างงานสหรัฐฯยังคงมีความแข็งแกร่งแต่มีทิศทางชะลอตัวลงจ้า โดยช่องว่าระหว่างการเติบโตของการจ้างงานมีอุปสรรคจากภาคบริการและการปรับตัวลดลงของยอดการผลิตสินค้า ส่งผลให้กลุ่มบริษัทรายย่อยชะลอการจ้างงาน ขณะที่บริษัทรายใหญ่ยังคงมีการขยายตัว
• จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงเกินคาดแตะระดับ 235,000 ราย หรือปรับตัวลง 28,000 รายเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ซึ่งข้อมูลล่าสุดยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 รายมาอย่างยาวนานติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 96 จึงยังถือว่าภาพรวมสัญญาณของตลาดแรงงานนั้นยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
• สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เผยผลสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการออกมาดีขึ้นเกินคาดแตะระดับ 57.2 จุดในเดือนธันวาคม ซึ่งยังถือเป็นระดับที่ดีที่สุดในรอบ 1 ปี เพราะได้รับอานิสงค์จากยอดคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลดลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 43 ปีในสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงยังบ่งชี้ว่า ทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงสิ้นปี 2016 ยังแข็งแกร่ง
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด+0.9% ที่ระดับ 53.76 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด +0.8% ที่ระดับ 56.89 เหรียญ/บาร์เรล โดยระหว่างวันน้ำมันดิบ Brent ขึ้นไปทำจุดสูงสุดบริเวณ 57.35 เหรียญ/บาร์เรล ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากข่าวที่ว่าประเทศซาอุดิอาระเบียทำการปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงของกลุ่มโอเปก
• แหล่งข่าวจาก Gulf News ระบุว่า ซาอุดิอาระเบียมีการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือนมกราคมอย่างน้อย 486,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 10.06 ล้านบาร์เรล/วัน จึงอาจสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ทำตามสัญญาข้อตกลงของกลุ่มโอเปกที่บรรลุผลในช่วงเดือนพฤศจิกายน และมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่ 1 มกราคมปีนี้