• ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน โดยกลุ่มนักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงและกลับมาถือสินทรัพย์ปลอดภัยโดยเงินเยนแข็งค่าลงมาที่ระดับ 115.97 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงมาบริเวณ 101.95 จุด และเช้านี้ยังอ่อนค่าต่อบริเวณ 101.82 จุด
• สำหรับค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นมาทรงตัวบริเวณ 1.05873 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์อังกฤษอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนบริเวณ 1.2125 ดอลลาร์/ปอนด์ หรือปรับตัวลงกว่า 1% จากการเจรจาที่ว่าอังกฤษอาจต้องปฏิรูปโครงสร้างการค้าจำนวนมากกับทางอียูหลังจากที่อังกฤษเลือกออกจากอียู โดยในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษก็ส่งสัญญาณว่าไม่ได้สนใจจะสานสัมพันธ์กับทางอียูมากนัก
• เมื่อวานนี้ นางอังเกลาร์ แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า หากอังกฤษไม่ยอมรับ เงื่อนไขของอียูในการเจรจากรณีBreixt ทางอียูก็จำเป็นต้องหารือเรื่องข้อห้ามในการให้อังกฤษเข้าถึงตลาดอียูที่มีการรวมหลายประเทศเป็นหนึ่งเดียว
• นายอีริค โรเซ็นเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตันกล่าวว่า เฟดควรตัดสินใจปรับลดงบดุลจำนวน 4.5 ล้านล้านเหรียญ เพื่อช่วยหนุนให้เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้เร็วขึ้น และลดผลกระทบเชิงลบทางเศรษฐกิจจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์
• นายเดนนิส ล็อกฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า กล่าวว่า การฟื้นตัวจากวิกฤตทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นโดยทั่วไป ซึ่งเจ้าหน้าที่เฟดควรกลับมาพิจารณาถึงระยะยาวในการหนุนประสิทธิภาพด้านการผลิตและภาคการลงทุน เพราะถึงแม้จะฟื้นตัวได้ดีจากวิกฤตที่ผ่านมา แต่ก็ยังจำเป็นต้องมีนโยบายใหม่ๆ
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 2.03 เหรียญ ที่ระดับ 51.96 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดลด 2.16 เหรียญ ที่ระดับ 54.94 เหรียญ/บาร์เรล โดยเมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่า 4% จากความกังวลที่ว่า ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบทางตอนใต้ของเมืองบาสรา (Basra) ในอิรักปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนธันวาคมแตะระดับ 3.51 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นอุปสรรคต่อความพยายามของโอเปกในการปรับลดภาวะอุปทานล้นตลาด