• ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 0.8% ทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 7 สัปดาห์ที่ระดับ 1,212.41 เหรียญ เพราะได้รับแรงหนุนจากแรงเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ก่อนทราบถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีอังกฤษคืนนี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะประกาศภาวะ Hard Brexitขณะที่ราคาซิลเวอร์ปรับตัวสูงขึ้น 1% ที่ระดับ 16.94 เหรียญ
• ผู้จัดการกองทุน สังกัด HuaAn Gold ระบุว่า ทองคำจะมีการเคลื่อนไหวที่ดีในช่วงครึ่งปีแรก จากปัจจัย 3 อย่าง อันได้แก่ 1) ความกังวลเกี่ยวกับ Brexit 2) แรงกดดันจากค่าเงินหยวน และ 3) ความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี คาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวใกล้ระดับ 1,250 เหรียญได้ แต่น่าจะไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,300 เหรียญได้ เนื่องจากไม่มีนโยบายเชิงผ่อนคลายทางการเงินที่จะช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นได้มากกว่านี้• นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันชั้นนำ ในการประชุม World Economic Forum ระบุว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่จะมีผลกระทบอย่างมากต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก คือสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
ทั้งนี้ นโยบายการการปรับลดภาษีและค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของนายทรัมป์ อาจหนุนให้ตลาดหุ้นและค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นได้ และก็จะส่งผลให้เกิดแรงเทขายในอัตราผลตอบแทนพันธบัตร แต่ถ้อยแถลงเชิงกีดกันทางการค้า อาทิ นโยบายการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนของนายทรัมป์ น่าจะส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงและหันกลับมาถือครองทองคำกันมากขึ้น และทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นได้
• นักวิเคราะห์สังกัด INTL FCStone คาดว่า ราคาทองคำจะยังสามารถปรับตัวขึ้นได้อีก เนื่องจากความกังวลต่อถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และการประชุมของ ECB ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะคงนโยบายที่ผ่อนคลายการเงินต่อไป แม้ว่าตลาดจะสร้างแรงกดดันให้ ECB มีการคุมเข้มทางการเงินมากขึ้น