• ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือนครึ่ง โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปรับตัวสูงขึ้น 0.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 20,000 จุดเป็นครั้งแรก แม้ว่าความกังวลเกี่ยวกับนโยบายเชิงกีดกันการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะกดดันค่าเงินดอลลาร์อยู่ก็ตาม
• ตลาดหุ้นญี่ปุ่นวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น โดยดัชนีนิเกอิปรับขึ้น 1.8% บริเวณ 19,402.39 จุด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับสูงขึ้นหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้น
• ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการ โดยดัชนี SCI ปรับตัวสูงขึ้น 0.3% สู่ระดับ 3,159.17 จุด ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มบลูชิพปรับตัวสูงขึ้น 0.4 สู่ระดับ 3,387.96 จุดทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 6 สัปดาห์ อย่างไรก็ดี ยังคงมีแรงกดดันจากผลประกอบการภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวลงในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นจีนมีการซื้อขายที่เบาบางก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลตรุษจีน ตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. ถึง 2 ก.พ. นี้
• ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวสูงขึ้นด้วยอัตราที่มากที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์ โดยดัชนี HIS ปรับสูงขึ้น 1.4% สู่ระดับ 23,365.01 จุด หลังได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ แม้จะได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มผลประกอบการของภาคพลังงานที่อาจลดลงถึง 80% จากปี 2016
• ธนาคารแห่งประเทศไทย มองว่า ตลาดเงินและตลาดทุนไทยในปี 60 จะเผชิญความผันผวนและอาจรุนแรงบางช่วงจากเงินทุนเคลื่อนย้าย แต่ยังคงคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ปีนี้จะขยายตัวได้ราว 3.2% หลังภาคส่งออกกลับมาขยายตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจโลก และการลงทุนภาครัฐเป็นแรงหนุน ขณะที่คาดว่าเงินเฟ้อปีนี้อยู่ที่ 1.5% ทยอยปรับสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน-สินค้าโภคภัณฑ์