• สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมีนาคมปรับตัวขึ้น 11.1 เหรียญ หรือคิดเป็น 0.92% ที่ระดับ 1,219.4เหรียญ หลังจากที่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบ 11 สัปดาห์ ที่ระดับ 1,225.3 เหรียญ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 17พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากการประชุมเฟดครั้งล่าสุดที่ยังไม่ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนมีนาคม จึงทำให้ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน แต่ในช่วงปลายตลาดราคาทองคำมีการย่อตัวลงมาบริเวณ 1,216 เหรียญ หลังค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้น
• ผลการประกาศข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ออกมาดีขึ้นเกินคาดแตะระดับ 246,000 ราย หรือลดลง 14,000 ราย ถือเป็นปัจจัยที่กดดันทำให้ราคาทองคำเมื่อคืนนี้ปรับตัวขึ้นได้อย่างจำกัด
• กองทุนทองคำ SPDR ทำการเข้าซื้อทองคำเพิ่มติดต่อกัน 2 วันทำการ โดยเมื่อวานนี้ซื้อเพิ่มอีก 1.48 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 811.22 ตัน
• กระแสคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่ทราบผลการประชุมครั้งล่าสุดที่ผ่านมา ซึ่งนักลงทุนเชื่อว่า เฟดน่าจะทำการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคมนี้
โดยเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group แสดงให้เห็นว่า ความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมลดลงสู่ระดับ 13% ขณะที่การประชุมในเดือนพฤษภาคมมีโอกาส 36%
• เทรดเดอร์จากสถาบันเฮเรอุส (Hereaus) กล่าวว่า ราคาทองคำประสบความสำเร็จในการฝ่าแนวต้าน 1,220 ได้ และหากทองคำสามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ก็มีโอกาสทดสอบระดับ 1,235 เหรียญ
• หัวหน้าฝ่ายเทรดดิ้งส์ ประจำ MKS ระบุว่า ค่าเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนราคาทองคำขณะนี้ ควบคู่กับความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงทางการเมือง
• นักวิเคราะห์บางรายมองว่า ราคาทองคำฟื้นตัวได้หลังจากหลุดระดับ 1,200 เหรียญ แม้ว่าในตลาดเอเชียนั้น จีนจะปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน จึงพิจารณาว่านี่เป็นสัญญาณขาขึ้นของราคาทองคำ
• สัญญาซิลเวอร์ส่งมอบเดือนมีนาคมปิด -0.12% ที่ระดับ 17.429 เหรียญ
• สำหรับวันนี้ต้องจับตาข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯประจำเดือนมกราคม ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งหากยืนยันว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีการขยายตัวได้เพียงพอก็อาจหนุนการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดได้