• ดัชนีดาวโจนส์ปิด -0.09% ที่ระดับ 20,052 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -0.21% และดัชนี Nasdaq ปิด -0.06%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลดลง เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ขณะที่นักลงทุนเฝ้ารอผลรายงานผลประกอบการของกลุ่มบริษัทหลักใหญ่ๆ ประกอบกับความชัดเจนของการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
• ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง โดยดัชนี STOXX 600 ปิด -0.6% ขณะเดียวกันค่าเงินยูโรก็ปรับอ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์บริเวณ 1.0705 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 31 มกราคมที่ผ่านมา โดยได้รับแรงกดดันจากภาวะความไม่แน่นอนทางการเมืองทั่วโลก
• ขณะที่นักลงทุนรอคอยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่จะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน เพราะหาก นางมารีน เลอ แป็ง ผู้นำพรรค National Front ได้รับชัยชนะ อาจผลักดันให้ฝรั่งเศสออกจากยูโรโซนเป็นประเทศต่อไปได้
• ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง ท่ามกลางการอ่อนค่าของค่าเงินยูโร จากความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจจึงช่วยหนุนค่าเงินเยนและราคาทองคำให้ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับความกังวลจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณการสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนจะปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 7 โดยคาดว่าจะปรับลดลงอีก 1.05 หมื่นล้านเหรียญ สู่ระดับ 3 ล้านล้านเหรียญในเดือนมกราคม
ดัชนีนิกเกอิเช้านี้เปิด -0.6% จากการแข็งค่าของค่าเงินเยน จึงสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น
• นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.95 – 35.50 บาท/ดอลลาร์ โดยทิศทางค่าเงินบาทยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า