• ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 18 เดือน เนื่องจากเหล่านักลงทุนมั่นใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนมากขึ้น ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นในช่วงความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป
โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น ปรับตัวสูงขึ้น 0.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. ปี2015
• ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินเยน ก่อนหน้าการประชุมระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯและนายซินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในวันศุกร์นี้ ขณะที่ดัชนีนิกเกอิ ปรับตัวลดลง 0.5% ที่ระดับ 18,907.67 จุด
• ตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวทำจุดสูงสุดในรอบ 2 เดือน โดยดัชนี SCI ปรับตัวสูงขึ้น 0.5% ที่ระดับ 3,183.18 จุด ซึ่งได้รับแรงหนุนจากกลุ่มผู้ผลิตกระจกและปูนซีเมนต์ หลังจากรัฐบาลจีนส่งสัญญาณการลดปริมาณวัสดุก่อสร้างที่มีมากเกินความต้องการ
• ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ระบุว่านักวิเคราะห์ของซิตี้แบงก์ประเมินว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP)ของไทยในปี 60 จะเติบโตในระดับ 3.3% ดีขึ้นจากในปี 59 ที่เติบโตได้ 3% โดยมองว่าปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คือ การลงทุนภาครัฐ และการบริโภคของประชาชนที่น่าจะดีขึ้นกว่าปีก่อน แต่ทั้งนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค คือ นโยบายของรัฐบาลใหม่สหรัฐ ภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐว่าจะมีผลกระทบต่อการค้าของโลกมากน้อยเพียงใด
• ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในปี 59 สินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ ขยายตัว 2% ซึ่งชะลอลงจากปี 58 ที่ขยายตัว 4.3%
อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งหลังของปี 59 สินเชื่อในบางธุรกิจขยายตัวดีขึ้น เช่น ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก พาณิชย์ และสาธารณูปโภค สำหรับสินเชื่ออุปโภคบริโภคขยายตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายซึ่งเป็นฤดูกาลจับจ่ายและผลของมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงปลายปี