• ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น โดยดัชนี MSCI ไม่รวมตลาดญี่ปุ่นปรับสูงขึ้น 0.2% แตะระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือน จากการแข็งค่าของดอลลาร์ หลังนักลงทุนมีมุมมองที่ดีต่อนโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ในขณะเดียวกันนักลงทุนก็กำลังจับตามองถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ที่คาดว่าน่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 2 ครั้งภายในปีนี้
• ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงกว่า 1% โดยดัชนีนิกเกอิปรับตัวลดลง 1.1% ที่ระดับ 19,238.98 จุด เนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงหลังจากบริษัทโตชิบาประกาศเลื่อนการประกาศผลประกอบการ รวมถึงรายละเอียดของค่าใช้จ่ายหลายพันล้านดอลลาร์ที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ
• ตลาดหุ้นจีนทรงตัวในวันนี้ โดยดัชนี SCI ทรงตัวที่ระดับ 3,217.93 จุด หลังจากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของจีนปรับตัวสูงขึ้นโดยทำจุดสูงสุดในรอบหลายปีและได้รับแรงหนุนจากการดำเนินนโยบายที่คุมเข้มมากขึ้น
• ตลาดหุ้นฮ่องกงทรงตัววันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากแหล่งเงินทุนจากประเทศจีนและตลาดหุ้นสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง แต่ยังคงได้รับแรงกดดันจากแรงเทขายทำกำไรหลังจากที่ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ ดัชนี HSI ทรงตัวที่ระดับ 23,712.17 จุด หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน เมื่อวานนี้
• ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกับสำนักข่าวเกียวโดว่า การส่งออกของประเทศไทยน่าจะได้รับผลประโยชน์ทางอ้อมจากนโยบายการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการที่ปธน.ทรัมป์ ได้ถอนสหรัฐออกจากความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP)
• กระทรวงพาณิชย์ คาดว่าในปี 60 แนวโน้มการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ไม่น้อยกว่า 66,000 ราย เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งการบริโภคการลงทุนภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)ที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 60 มีแนวโน้มขยายตัว 3.6% ซึ่งดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด อาทิ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า และการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจด้านต่างๆ ของสหรัฐอเมริกาที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย เป็นต้น