• ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังจากที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่งไม่สามารถช่วยหนุนการฟื้นตัวของค่าเงินดอลลาร์ได้ โดยเช้านี้ค่าเงินดอลลาร์อยู่ที่ระดับ 100.57 จุด หลังจากที่ลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 100.41 จุดเมื่อคืนนี้ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 9 กุมภาพันธ์
• ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ระดับ 113.28 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรร่วงลงมาที่ระดับ 1.0668 ดอลลาร์/ยูโร
• เมื่อวานนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า จะทำการยกเครื่องนโยบายกลุ่มผู้อพยพครั้งใหม่ในสัปดาห์หน้า เกี่ยวกับกลุ่มผู้อพยพและกลุ่มผู้ที่เดินทางเข้าสหรัฐฯจาก 7 ประเทศมุสลิมหลัก พร้อมตำหนิศาลและการตัดสินใจของศาลที่ระงับนโยบายกลุ่มผู้อพยพของเขา
• ขณะที่เมื่อวานนี้ กลุ่มภาคธุรกิจบางแห่งปิดทำการและนักเรียนนักศึกษานับพันรายพากันหยุดออกมาเดินขบวนประท้วงต่อนโยบายกลุ่มผู้อพยพของนายทรัมป์ ตามเมืองใหญ่ในสหรัฐฯ
• ทั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ส ระบุว่า ชาวต่างชาติที่เกิดหรือตั้งรกรากในสหรัฐฯคิดเป็น 13% ของประชากรชาวสหรัฐฯ หรือกว่า 40 ล้านคนในประเทศ พร้อมคาดว่าอาจมีกลุ่มคนกว่า 12 ล้านคนในประเทศที่ต่อต้านนโยบายดังกล่าวสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้นในประเทศได้
• ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ออกมาในเชิงบวก นำโดย ข้อมูลยอดการเริ่มต้นก่อสร้างบ้านที่ออกมาดีขึ้นเกินคาดแตะระดับ 1.246 ล้านยูนิต ขณะที่ยอดการอนุมัติก่อสร้างบ้านปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี ที่ระดับ 1.285 ล้านยูนิต จึงถือเป็นสัญญาณทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
• จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ก็ออกมาดีขึ้นเกินคาดเช่นกัน แม้ว่าจะมีคนว่างงานเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 5,000 ราย ที่ระดับ 239,000 ราย แต่ภาพรวมก็ยังบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน
• นอกจากนี้ ดัชนีผลสำรวจภาคธุรกิจประจำเขตฟิลาเดเฟีย ก็ออกมาดีขึ้นเกินคาดแตะระดับ 43.3 จุด ซึ่งถือเป็นระดับการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่มกราคมปี 1984
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดขยับขึ้น 25 เซนต์ ที่ระดับ 53.36 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 4 เซนต์ ที่ระดับ 55.71 เหรียญ/บาร์เรล โดยตลาดมีปริมาณการซื้อขายระดับปานกลางตามรายงานของกลุ่มโอเปกที่อาจจะยังคงให้ความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลง อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวในกรอบแคบๆ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้น