รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด 3 ครั้งในปีที่ผ่านๆมา แทนที่จะส่งผลให้ราคาทองคำตกลงไปในเดือนถัดมา แต่จะเห็นได้ว่าหลังจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วกลับทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นแทน
หลังจากที่เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2014 ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแล้วประมาณ 7% และในเดือนธันวาคม 2015 ราคาทองคำก็ปรับขึ้นอีก 13% ในอีก 2 เดือนถัดมา โดยภาพรวมปรับตัวสูงขึ้น 6% จากเมื่อเดือนมิถุนายน 2006
ขณะที่ปัจจุบัน การปรับตัวขึ้นดังกล่าวของราคาทองคำ ส่วนหนึ่งเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายบริหารประเทศของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยความกังวลนี้เกิดขึ้นนับตั้งแต่ที่เขาคว้าชัยชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2016
ปริมาณการเข้าซื้อทองคำในกองทุน ETFs จะเห็นได้ว่ามีจำนวนมากกว่า 40 ตันภายในเดือนนี้ ซึ่งไปช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับขึ้นมา 6.8% ในปีนี้ ที่ระดับ 1,236.86 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งก่อนนั้น ในประเทศจีนมีปริมาณการเข้าซื้อทองคำอย่างมากเนื่องจากเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นเทศกาลที่ชาวจีนนิยมซื้อทองคำเป็นไปให้เป้นของขวัญ
อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ มีปัจจัยหลักคือความกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นักลงทุนจึงหันเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ประกอบกับการที่มีแนวโน้มจะเกิดความไม่มั่นคงทางการเมืองมากขึ้นอีกจากการเลือกตั้งของเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ ในขณะที่ประเทศอังกฤษก็ยังไม่ได้ข้อสรุปของการที่จะออกจากกลุ่มอียู
ประเด็นสำคัญที่จะต้องจับตามองอีกอย่างหนึ่งคือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั้งเศสที่ใกล้มาเรื่อยๆ เนื่องจาก นางมารีน เลอ แปน ได้กล่าวว่า หากเธอชนะการเลือกตั้ง เธอจะเข้าควบคุมธนาคารกลางและสั่งให้มีการพิมพ์ธนบัตรเพิ่ม หลังจากที่นำฝรั่งเศสออกจากอียู
ที่มา: Bloomberg