• เมื่อคืนนี้ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ ท่ามกลางความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และโอกาสที่เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนจากนี้ โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบ 6 วันทำการบริเวณ 101.60 จุด ก่อนที่เช้านี้จะปรับอ่อนค่าลงมาบริเวณ 101.35 จุด ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่รอคอยรายงานการประชุมเฟด ขณะที่ค่าเงินยูโรยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลทางด้านการเมืองของยุโรป
ซึ่งค่าเงินยูโรเช้านี้ปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อย 0.1% ที่ระดับ 1.0547 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ร่วงลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 1.0526 ดอลลาร์/ยูโรเมื่อคืนนี้ ขณะที่ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าลงมาเล็กน้อย 0.1% เช่นกัน ที่ระดับ 113.56 เยน/ดอลลาร์
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงในเชิงคุมเข้มทางการเงินของสมาชิกเฟดและความไม่แน่นอนทางการเมืองของยุโรป ได้หนุนให้ค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร
• นาย แพทริก ฮาเกอร์ ประธานเฟดาสขาฟิลาเดเฟีย เมื่อคืนนี้ยังคงกล่าวสนับสนุนโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% ในการประชุมระหว่างวันที่ 14-15 มีนาคมนี้ หากข้อมูลเศรษฐกิจมีสัญญาณการฟื้นตัวต่อเนื่อง เช่นเดียวกับถ้อยแถลงของประธานเฟดสาขาเคฟแลนด์ที่กล่าวนุนการขึ้นดอกเบี้ยหากทิศทางเศรษฐกิจยังคงดำเนินไปได้ดีต่อเนื่อง
• นาย นีล คาร์ชคาริ ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส กล่าวว่า ตลาดแรงงานยังมีช่องว่างในการฟื้นตัว ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อว่าเฟดจะสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้รวดเร็วเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
• รายงานจาก CNBC ระบุว่า ตลาดอาจมีความผันผวนจากการสร้างเซอร์ไพร์สของเฟด แม้ว่าการเปิดเผยรายงานการประชุมในวันนี้อาจจะไม่ค่อยมีอะไรแตกต่างจากเดิมมากนัก และเหล่าเทรดเดอร์น่าจะไม่คาดหวังใดๆมากกับข่าวเก่าๆ แต่ก็มีความเสี่ยง 2 ทาง หากเฟดสร้างความประหลาดใจด้วยการผ่อนคลายทางการเงินต่อไป หรือในทางกลับกันหากเฟดส่งสัญญาณคุมเข้มทางการเงินมากขึ้นกว่าช่วงที่เสร็จสิ้นการประชุมเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ด้วยการคงอัตราดอกเบี้ย
ขณะที่นักกลยุทธ์ส่วนใหญ่ กล่าวว่า หลังจบถ้อยแถลงรายงานการประชุมเฟดในค่ำคืนนี้ ตลาดน่าจะรอคอยการเปิดเผยแผนภาษีครั้งใหญ่ของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะมีการแถลงต่อสภาคองเกรสในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งอาจมีการปรับลดอัตราภาษีลงสู่ระดับ 20% สำหรับการนำเข้าสินค้าและอาจไม่คิดภาษีสินค้าส่งออก
อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้สนับสนุนนายทรัมป์ เชื่อว่านี่จะเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มรายได้จากการลดภาษีเป็นจำนวนกว่า 1 ล้านล้านเหรียญในช่วงกว่า 10 ปี และคาดว่าทางสภาคองเกรสจะเห็นด้วยในการปรับลดภาษีบริษัทจากระดับ 35% เหลือเพียง 20%
แต่กลุ่มที่มีความคิดเห็นตรงกันข้าม กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวของนายทรัมป์อาจไม่ราบรื่นอย่างที่คาดการณ์กันไว้ เนื่องจากการปรับลดภาษีอาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นได้ประมาณ 25% ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนกังวลว่า การดำเนินการดังกล่าวจะสิ้นสุดการผลักดันเงินเฟ้อ จากการเพิ่มขึ้นของราคาในบริษัทต่างๆ
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด +1.24% ที่ระดับ 54.06 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด +0.85% ที่ระดับ 56.66 เหรียญ/บาร์เรล
• ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์วานนี้ ท่ามกลางมุมมองเชิงบวกของกลุ่มโอเปกที่มีความคิดเห็นสอดคล้องกับกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่อื่นๆ อาทิ รัสเซีย ที่ว่าจะสามารถควบคุมปริมาณการผลิตได้สูงกว่า 90% และน่าจะทำให้ปริมาณสต็อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลงได้ต่อเนื่องในปีนี้