• ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงที่ระดับ 101.150 จุด เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก หลังจากที่แข็งค่าขึ้นในช่วงก่อนหน้า ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่เข้าสู่สถานะเฝ้าระวังถ้อยแถลงของประธานาธิบดีสหรัฐฯต่อสภาคองเกรสวันพรุ่งนี้
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีกำหนดการจะรายงานต่อสภาคองเกรสในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยหัวข้อที่จะเป็นที่จับตามอง ได้แก่ นโยบายที่จะมาแทนที่โอบามาแคร์ และการปฏิรูปภาษี ซึ่งถือเป็นประเด็นที่ตลาดตั้งความหวังไว้สูงมาก
อย่างไรก็ดี ตลาดจะคอยจับตานโยบายที่จะมาแทนที่โอบามาแคร์ ซึ่งมีกำหนดจะดำเนินการภายในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งหากมีสัญญาณใดๆที่แสดงถึงความคืบหน้าอย่างชัดเจน จะไปหนุนการคาดการณ์ที่ว่านโยบายต่างๆของนายทรัมป์จะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จได้จริงภายในปี 2017 นี้ แต่ถ้าหากยังคงไร้ความคืบหน้า ก็อาจจะส่งผลทางลบกับตลาดสหรัฐฯ
• โอกาสที่เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมระหว่างวันที่ 14-15 มีนาคมนี้ มีความเป็นไปได้มากขึ้น โดย ณ ขณะนี้ มีโอกาส 50-50 หลังจากที่อยู่ประมาณสิบกว่าๆในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การตลาดจาก The Lindsey Group กล่าวว่า โอกาส 50% คือสิ่งที่เฟดต้องการ ซึ่งถึงแม้ในตอนนี้เฟดอาจยังไม่ทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่พวกเขาก็ต้องการโอกาสที่ยืดหยุ่นในการดำเนินการดังกล่าว
ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ที่กล่าวถ้อยแถลงเชิงคุมเข้มนโยบายการเงินในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผลักดันโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวด้วยเช่นกัน
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปก แม้ว่าตลาดจะยังให้ความสนใจไปยังสต็อกน้ำมันสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 0.2% ที่ระดับ 56.03 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ระดับ 54.06 เหรียญ/บาร์เรล