• ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ในคืนวันศุกร์ หลังจากที่ประธานเฟดส่งสัญญาณว่า การประชุมเดือนนี้อาจเป็นเดือนที่เหมาะสมในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตราบเท่าที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจยังเป็นไปตามคาด
• บรรดานักวิเคราะห์ ระบุว่า ถ้อยแถลงของประธานเฟดส่งผลให้มีการประเมินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้เพิ่มมากขึ้น จึงส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนมีการเทขายทำกำไรในค่าเงินดอลลาร์ และกดดันให้ดัชนีดอลลาร์วันศุกร์อ่อนค่าลงประมาณ 0.7% แต่ภาพรวมของค่าเงินดอลลาร์สัปดาห์ที่แล้วอยู่ในทิศทางแข็งค่า โดยปรับตัวขึ้นได้ 0.4% และในสัปดาห์ที่ผ่านมาทำจุดสูงสุดที่ระดับ 102.26 จุด สำหรับเข้านี้ดัชนีดอลลาร์อยู่ที่ระดับ 101.4 จุด ด้านค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น 0.2% ที่ระดับ 113.86 เยน/ดอลลาร์ ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวแถวระดับ 1.0608 ดอลลาร์/ยูโร
• ผลสำรวจล่าสุดจาก CME Group แสดงให้เห็นว่า โอกาสที่เฟดจะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้เพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 86% จากระดับ 35% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
• ผลสำรวจ ตลาดอนุพันธ์ FFJ7 ประเมินว่ามีโอกาส 90% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมระหว่าง 14-15 มีนาคมนี้
· ถ้อยแถลงของ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดในคืนวันศุกร์ มีมุมมองว่า เฟดน่าจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมระหว่าง 14-15 มีนาคมนี้ และน่าจะสามารถดำเนินการได้เร็วขึ้น เนื่องจากในการประชุมล่าสุดที่ผ่านมา สมาชิกเฟดมีการประเมินว่า การจ้างงานและเงินเฟ้อมีการขยายตัวที่สอดคล้องกับที่พวกเราได้ประเมินไว้ จึงถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมในการที่เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
• รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ถ้อยแถลงของ เจเน็ต เยลเลน หนุนให้ตลาดมีการคาดการณ์ว่า เฟดน่าจะมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยกว่า 80% ในการประชุมเดือนนี้
• นักวิเคราะห์ด้านการท่องเที่ยวจากสำนักงาน ForwardKeys ของสหรัฐฯ ระบุว่า ปริมาณการท่องเที่ยวของสหรัฐฯในเดือนนี้มีโอกาสจะปรับตัวลงจากที่อยู่ในทิศทางบวกในช่วงต้นปี จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของคำสั่งการเข้าประเทศของนายทรัมป์ ที่ส่งผลต่อกลุ่มนักท่องเที่ยว
โดยจะเห็นได้ว่า หลังจากที่นายทรัมป์ ประกาศคำสั่งห้ามคนเข้าประเทศโดยเฉพาะชาติตะวันออกกลางในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณการท่องเที่ยวระหว่างประเทศของสหรัฐฯปรับตัวลดลง 6.5% ในช่วง 8 วันทำการ แต่หลังจากที่ศาลกลางของสหรัฐฯมีคำสั่งระงับคำสั่งดังกล่าวปริมาณการท่องเที่ยวก็มีการปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็ยังคงอยู่ในเกณฑ์การปรับตัวลงเป็นวันที่ 9 หลังจากมีการประกาศจะดำเนินแผนการห้ามคนเข้าประเทศครั้งใหม่เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
· รายงานการประชุมประจำปีของรัฐสภาของจีน เมื่อวานนี้ มีการปรับลดเป้าหมายการขยายตัวเศรษฐกิจจีนปีนี้ โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ประมาณ 6.5% จากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 6.5-7% ในปีที่ผ่านมา จึงสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนต้องเร่งปฏิรูประดับหนี้ที่เพิ่มอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการสร้างการป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน
• ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิด +1.5% ที่ระดับ 55.90 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิด +1.4% ที่ระดับ 53.33 เหรียญ/บาร์เรล โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ แม้ว่าบรรดานักลงทุนจะยังมีท่าทีระมัดระวังหลังจากที่ปริมาณการผลิตของรัสเซียยังคงแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตทั่วโลก
• ประเทศเกาหลีเหนือยิงจรวดมิซไซล์จำนวน 4 ลูก ตกลงไปในน่านน้ำของประเทศญี่ปุ่นจำนวน 3 ลูก เบื้องต้นไม่มีรายงานความเสียหายต่อยานพาหนะแต่อย่างใด ทั้งนี้ นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวของเกาหลีเหนือ เป็นการแสดงถึงความเป็นภัยคุกคามและการประท้วงอย่างแข็งกร้าว
