• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร โดยค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลง 0.35% ที่ระดับ 1.0584 ดอลลาร์/ยูโร จากความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังมีข่าวว่า นายอาแล็ง จุปปี อดีตนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ยืนยันไม่ลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส จึงถือเป็นโอกาสที่ดีของ นางมารีน เลอ แป็ง ผู้สมัครชิงตำแหน่งจากพรรคขวาจัดที่มีแนวคิดสนับสนุนการแยกตัวออกจากยุโรป
นักวิเคราะห์บางราย วิเคราะห์ว่า ตลาดยังคงมีความกังวลต่อการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส, เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ ที่ถือเป็นปัจจัยกดดันต่อค่าเงินยูโร แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนโดยทั่วไปจะออกมาดีขึ้น โดยจะเห็นได้ว่าหากข้อมูลเศรษฐกิจออกมาดีมีโอกาสผลักดันให้ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นแถวระดับ 1.07 ดอลลาร์/ยูโรได้ แต่ขณะนี้ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวบริเวณ 1.05 – 1.06 ดอลลาร์/ยูโร โดยได้รับแรงกดดันจากกระแสดราม่าของการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ดี เมื่อวานนี้ในช่วงต้นตลาดยุโรปค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงไปทำจุดต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ก่อนที่ดัชนีดอลลาร์จะดีดกลับได้ 0.1% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ ที่ระดับ 101.66 จุด
ด้านค่าเงินเยนปรับแข็งค่าลงมาบริเวณ 113.90 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ บริเวณ 114.74 เยน/ดอลลาร์
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งห้ามกลุ่มผู้อพยพชาวมิสลิมฉบับปรับปรุง ซึ่งตัดชื่อประเทศอิรักออกไป โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 มีนาคม 2017 และมีผลไปอีก 90 วัน ทั้งนี้ ประเทศมุสลิม 6 ประเทศที่ถูกแบนในคำสั่งดังกล่าว ได้แก่ อิหร่าน ลิเบีย ซีเรีย โซมาเรีย ซูดาน และ เยเมน
อย่างไรก็ดี คำสั่งฉบับใหม่จะมีผลเฉพาะผู้ยื่นขอวีซ่าใหม่เท่านั้น หมายความว่า ผู้ที่เคยได้รับอนุมัติวีซ่าสหรัฐฯกว่า 60,000 คน จะยังสามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯได้อยู่
• ยอดคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ของภาคโรงงานอุตสาหกรรมยังอยู่ในเกณฑ์การขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่2 ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของภาคการผลิต ท่ามกลางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้น จึงช่วยกระตุ้นปริมาณความต้องการเครื่องจักร
• น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวลง 13 เซนต์ ที่ระดับ 53.20 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 11 เซนต์ ที่ระดับ 56.01 จุด
อย่างไรก็ดี ตลาดยังมีแรงหนุนหลังมีรายงานว่า อิรักจะยังคงให้ความร่วมมือหากกลุ่มโอเปกมีการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปในช่วงครึ่งปีหลัง
