MTS Help Center

• ดัชนีดาวโจนส์ปิด -0.21% ที่ระดับ 20,837.37 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -0.34% และดัชนี Nasdaq ปิด -0.32%โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯได้รับแรงกดดันจากการทรุดตัวของราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงไปแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ประกอบกับหุ้นกลุ่มสายการบินและการผลิตที่ปรับตัวลดลงจากปัญหาพายุหิมะที่พัดเข้าถล่มทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ

นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลก็ปรับตัวลง หลังจากที่รายงานผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า จะมีชาวอเมริกันกว่า 14 ล้านคนที่อาจสูญเสียประกันสุขภาพในปีหน้า ภายใต้การดำเนินนโยบายสุขภาพของพรรครีพับลิกัน

อย่างไรก็ดี ปริมาณการซื้อขายในตลาดยังคงเป็นไปอย่างเบาบาง ก่อนทราบผลการประชุมเฟดในค่ำคืนนี้ โดยมีคาดการณ์ว่าเฟดน่าจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยประมาณ 0.25%

• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลดลงในเช้านี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่เฝ้าระวังและรอคอยผลการตัดสินใจของเฟดในค่ำคืนนี้ โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลง 0.1% ขณะที่ดัชนี Nikkei 225 เปิด -0.52%

• นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 35.25 – 35.35 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดน่าจะค่อนข้างเงียบเหงา รอผลประชุมเฟดที่คาดว่าจะทราบผลในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้

• นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย วิเคราะห์ว่า ดัชนี SET50 จะเคลื่อนไหวในกรอบ 965-990 จุด หากไม่หลุดแนวรับ 970 จุด และ 965 จุด ให้รอ Open Short โดยตลาดน่าจะยังเคลื่อนตัวกรอบแคบรอผลประชุมเฟด รวมทั้งรายงาน Dot Plot ว่าจะมีความถี่ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะหากมีสัญญษณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้มากกว่า 3 ครั้งในปีนี้ ก็จะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นและตลาดทองคำ แต่หากปรับขึ้นได้น้อยกว่า 3 ครั้งก็จะกลายเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด