• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ ก่อนที่เช้านี้ดัชนีดอลลาร์จะทรงตัวที่ระดับ 100.17 จุดในเช้านี้ หลังจากที่เมื่อคืนนี้ทำจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาบริเวณ 100.02 จุด โดยตลาดตอบรับกับถ้อยแถลงของประธานเฟดสาขาชิคาโก เกี่ยวกับโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจำนวน 2 ครั้งปีนี้ แต่ตลาดก็ยังคงผิดหวังต่อการไม่เร่งรีบดำเนินการเพิ่มเติมในปีนี้
ค่าเงินยูโรทรงตัวที่ระดับ 1.0737 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินเยนยังคงทรงตัวแถวระดับแข็งค่าในรอบ 3 สัปดาห์บริเวณ 112.485 เยน/ดอลลาร์
ค่าเงินปอนด์ปรับอ่อนค่าจากระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ จากข่าวที่ว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะผลักดันการเจรจาการออกจากยุโรปในวันที่ 29 มีนาคมนี้ และจะใช้ระยะเวลาอีก 2 ปีในการเจรจา โดยค่าเงินปอนด์ร่วงลงจากระดับ 1.2350 ดอลลาร์/ปอนด์ สู่ระดับต่ำสุดบริเวณ 1.2335 ดอลลาร์/ปอนด์ หรือปรับตัวลดลงประมาณ 0.4% วานนี้
• นาย ชาร์ล อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวว่า เฟดมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกจำนวน 2 ครั้งในปีนี้หลังจากที่ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งการคุมเข้มนโยบายมากขึ้นหรือน้อยลงจะพิจารณาจากเงินเฟ้อ และการดำเนินนโยบายการเงินของนายทรัมป์
• เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ล่าสุด ประเมินว่า โอกาสที่เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% มาสู่ระดับ 1.00 – 1.25% ในการประชุมเดือนพฤษภาคมมีเพียง 6% ขณะที่การประชุมในเดือนมิถุนายนมีโอกาส 52%
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปรับกลยุทธ์ภายในและภายนอกเพื่อให้บรรลุตามคำสัญญาที่ได้ให้ไว้ในการหานโยบายแทนที่ “โอบามาแคร์”
อย่างไรก็ดี รายงานจาก AP ระบุว่า การปรับเครดิตภาษีเป็นการสร้างการจำกัดมากเกินไป และอาจส่งผลต่อกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำและผู้สูงอายุ และอาจำให้มีสูญเสียประกันสุขภาพที่ครอบคลุมกว่า 10 ปี เป็นจำนวนกว่า 24 ล้านคน
• รายงานจาก Washington Post ระบุว่า หลังจากที่คณะบริหารจัดการของนายทรัมป์ ประกาศแผนการปรับลดค่าใช้จ่ายภาครัฐ เพื่อเพิ่มค่าจ้างให้แรงงานสหรัฐฯสูงขึ้นประมาณ 1.9% โดยคาดจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคมปี 2018 ในส่วนการเปิดเผยรายละเอียดแผนงบประมาณของคณะบริหารของทรัมป์มีกำหนดการจะเปิดเผยในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ขณะที่แผนค่าใช้จ่ายสำหรับงบประมาณปีนี้น่าจะเริ่มต้นในวันที่ 1 ตุลาคมปีนี้
• นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะรายงานต่อสภายุโรปเกี่ยวกับการผลักดันมาตรา 50 ในวันพุธที่ 29 มีนาคมนี้ แต่ทางแหล่งข่าวจากยุโรป ระบุว่า อังกฤษอาจต้องรอจนกว่าจะถึงเดือนมิถุนายนในการเริ่มต้นเจรจาอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาการตัดสินใจเกี่ยวกับ Brexit ร่วมกันเป็นเวลา 2 ปี และทางอังกฤษจะออกจากยุโรปได้อย่างเป็นทางการในช่วงสิ้นเดือนมีนาคมปี 2019
• ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 9 เซนต์ ที่ระดับ 51.67 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิด ลดลง 43 เซนต์ ที่ระดับ 48.35 เหรียญ/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแม้จะมีข่าวที่ว่าสมาชิกโอเปกสนับสนุนการขยายระยะเวลาข้อตกลงอีก 6 เดือน โดยกลุ่มนักลงทุนยังคงวิตกกังวลต่อปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯและสต็อกน้ำมันดิบที่แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
• รายงานล่าสุดจากบริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ ประเมินว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 14 แท่น สู่ระดับ 631 แท่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กันยายนปี 2015