• ราคาทองคำทรงตัวที่บริเวณ 1,246.87 เหรียญ หลังจากปิดไตรมาสด้วยอัตราการปรับสูงขึ้นมากที่สุดในรอบปี ท่ามกลางแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาทรงตัวและท่าที่ผ่อนคลายทางนโยบายการเงินจากถ้อยแถลงสมาชิกเฟดเมื่อคืนวันศุกร์
• การใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯประจำเดือนกุมภาพันธ์ปรับสูงขึ้นเล็กน้อย หลังจากการจ่ายคืนเงินภาษีที่ยืดเยื้อออกไป ในขณะที่รายงานอัตราเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 5 ปี ช่วยหนุนการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
• นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดอาจหยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราว ระหว่างที่เริ่มมีการปรับลดการถือครองพันธบัตร แต่คาดว่ามีผลต่อตลาดเพียงเล๊กน้อยเท่านั้น
• หัวหน้าฝ่ายวิจัยจาก Wing Fung Financial Group. คาดการณ์ว่า วัฏจักรการปรับอัตราดอกเบี้ยอาจรักษาระดับของราคาทองคำให้อยู่ระหว่าง 1,200 – 1,250 เหรียญ โดยที่ยังมีความไม่มั่นคงทางการเมืองเป็นปัจจัยที่จะกำหนดทิศทางของราคาทองคำ
• นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก Reuters วิเคราะห์ว่า ราคาทองคำอาจจะทดสอบระดับ 1,239.55 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม โดยพิจารณาจากการเคลื่อนไหวของกราฟ และเส้น Fibonaaci
• บรรดาเฮดจ์ฟันด์และผู้จัดการกองทุนเพิ่มสถานะการถือครองทองคำในตลาด COMEX ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง
• นักวิเคราะห์จาก INTL FCStone กล่าวว่า ราคาทองคำและซิลเวอร์อาจทำจุดสูงสุดใหม่ได้ในช่วงสัปดาห์ที่มีการเลือกตั้งของฝรั่งเศส และจะปรับตัวลดลงทันทีหลังทราบผลการเลือกตั้ง
• ประเด็นสำคัญที่ตลาดจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขอัตราจ้างงานของสหรัฐฯที่จะเปิดเผยช่วงคืนวันศุกร์ และการพบกันครั้งแรกระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ระหว่างวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้
ขณะที่นายทรัมป์มีท่าที่จะใช้นโยบายทางการค้าเป็นเครื่องมือในการขอความร่วมมือจากจีนเพื่อต่อต้านภัยจากเกาหลีเหนือ ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าอาจส่งผลต่อราคาทองคำได้
• ราคาซิลเวอร์ปรับตัวลดลง 0.1% ที่ระดับ 18.20 เหรียญ
• นักวิเคราะห์สินค้าโภคภันฑ์ จาก CBA กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญของราคาทองคำในเดือนเมษายนขึ้นอยู่กับปริมาณความต้องการของสินค้า Safe-haven ซึ่งราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นได้อีก ถ้าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯสร้างความผิดหวังให้กับตลาด เห็นได้จากความล้มเหลวในการยกเลิกโอบามาแคร์