• ราคาทองคำทรงตัวบริเวณ 1,255.12 เหรียญ ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน ท่ามกลางการซื้อขายสินทรัพย์เสี่ยงที่น้อยลงก่อนการประชุมสำคัญระหว่างผู้นำสหรัฐฯและจีนในวันพรุ่งนี้
• หัวหน้าฝ่ายการวิเคราะห์จาก Shandong Gold Group กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำช่วงนี้ แสดงให้เห็นว่านักลงทุนไม่มั่นใจกับทิศทางของราคาทองคำในระยะสั้น ประกอบกับโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนมิถุนายนก็ยังไม่มีความแน่นอน จึงหันมาเฝ้ารอปัจจัยที่จะมาชี้วัดถึงทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งก็คือตัวเลขเศรษฐกิจ รวมถึงถ้อยแถลงของสมาชิกเฟด
นอกจากนี้ หากการประชุมระหว่างผู้นำสหรัฐฯและจีนไม่เป็นไปอย่างราบรื่น จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นได้อีก
• นับตั้งแต่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ราคาทองคำได้ปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 60 เหรียญ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการเลือกตั้งในยุโรป ที่ช่วยหนุนความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
• นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก Reuters คาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะทดสอบแนวต้าน 1,261.03 เหรียญอีกครั้ง โดยพิจารณาจากการเคลื่อนไหวของกราฟและเส้น Fibonacci
• ราคาซิลเวอร์ปรับตัวลดลง 0.5% ที่ระดับ 18.19 เหรียญ หลังทำจุดสูงสุดในรอบ 1 เดือนที่ระดับ 18.41 เหรียญ ในช่วงก่อนหน้า
• รายงาน GFMS ของ Thomson Reuters ระบุว่า ปริมาณความต้องการทองคำสุทธิของจีน ที่ไม่รวมการเข้าซื้อของธนาคารกลางจีน มีจำนวนทั้งสิ้น 968 ตันในปี 2016 หรือปรับตัวลงประมาณ 10% เมื่อเทียบรายปี
ขณะที่ปริมาณความต้องการทองคำของแท่งของจีนเพิ่มสูงขึ้น 7% ที่ระดับ 237 ตันในปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับลดค่าเงินหยวน และการปราศจากทางเลือกในการลงทุนที่มีศักยภาพ
สำหรับปริมาณความต้องการลงทุนทองคำในไทย ปรับตัวลง 15% ในปี 2016 ขณะที่ปริมาณความต้องการทองคำรูปจิวเวลรีร่วงลง 14% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี โดยการสูญเสียพระมหากษัตริย์ไทยในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วได้ส่งผลให้ตลาดทองคำปรับตัวลดลง