• คืนวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมาสัญญาทองคำส่งมอบเดือนมิถุนายนตลาด COMEX ปิด +0.3% ที่ระดับ 1,278.1 เหรียญ โดยตลาดปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 5 เดือน หลังจากที่ปรับตัวขึ้นได้เกือบ 2% ในวันอังคารที่ผ่านมา ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่กลับเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย จากความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซียและเกาหลีเหนือ
• ขณะที่ในวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา สัญญาทองคำส่งมอบเดือนมิถุนายนปิด +0.8% ที่ระดับ 1,288.50 เหรียญ หลังจากที่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนบริเวณ 1,288.64 เหรียญ โดยถึงแม้จะมีบางช่วงที่ราคาอ่อนตัวแต่ก็เป็นไปในระยะสั้นจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ หลังนายทรัมป์ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแข็งค่าที่มากเกินไปของค่าเงินดอลลาร์ และการที่เขาพึงพอใจกับการที่เฟดยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ
• กองทุนทองคำ SPDR ทำการเข้าซื้อเพิ่มในวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมาอีก 6.51 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 848.92 ตัน ขณะที่เช้านี้ราคาทองคำเปิดตลาดเอเชียทำจุดสูงสุดแถวระดับ 1,295.4 เหรียญ
• ค่าเงินดอลลาร์เผชิญแรงเทขายและดัชนีดอลลาร์กลับลงมาแถวระดับ 100.50 จุด หลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับสำนักข่าว Wall Street Journal โดยระบุว่า ค่าเงินดอลลาร์กำลังแข็งค่ามากจนเกินไป ซึ่งการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์อาจสร้างผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ และแสดงความต้องการให้เฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับเกาหลีเหนือและตะวันออกกลางก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำ
• นักวิเคราะห์จาก GoldSilver ระบุว่า มีแรงซื้อทองคำกลับเข้ามาในฐานะ Safe-Haven โดยผู้คนวิตกกังวลต่อเรื่องของค่าเงินและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั่วโลก ดังนั้น กองทุนส่วนใหญ่จึงกลับเข้าถือครองทองคำ และเชื่อว่าเรามีโอกาสเห็นราคาทองคำทำการทดสอบระดับ 1,300 เหรียญ
• นักวิเคราะห์จาก Mitsubishi กล่าวว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแถวระดับ 1,280 เหรียญได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จึงทำให้กรอบการเคลื่อนไหวของราคามีโอกาสแตะ 1,300 เหรียญ
• นักวิเคราะห์ทางเทคนิคของรอยเตอร์ส วิเคราะห์ว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นแถว 1,303 เหรียญ หากยืนได้เหนือระดับแนวต้าน 1,282 เหรียญ
• นักวิเคราะห์จาก Capital Economics กล่าวว่า ราคาทองคำอาจย่อตัวลงได้ในระยะสั้น หากภาวะตึงเครียดทางการเมืองชะลอลง รวมทั้งหากเฟดยังตัดสินใจคุมเข้มทางการเมืองในสิ้นปีนี้
• ภาพรวมราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นได้ 2.6% ซึ่งถือเป็นระดับรายสัปดาห์ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ท่ามกลางความวิตกกังวลในเกาหลีเหนือและตะวันออกกลางที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้น
อย่างไรก็ดี ปริมาณการซื้อขายในตลาดค่อนข้างเป็นไปอย่างเบาบาง จากการเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลอีสเตอร์
• ความกังวลยังคงไม่สิ้นสุดเมื่อมีข่าวว่าเกาหลีเหนือมีการทดสอบขีปนาวุธรอบใหม่ หลังจากที่เรือบรรทุกเครื่องบินรบสหรัฐฯเคลื่อนเข้าใกล้ประเทศมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ประเด็นการเลือกตั้งในฝรั่งเศสก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันนักลงทุนอยู่
• รายงานจากรอยเตอร์ส แสดงให้เห็นว่า นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าราคาทองคำระยะสั้นมีความแข็งแกร่งและจะมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,291 เหรียญ ขณะที่อีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนตลาดทองคำในขณะนี้คือยอดนำเข้าทองคำของอินเดียที่เพิ่มสูงขึ้นแตะระดับ 4.18 แสนล้านเหรียญในเดือนมีนาคม
• นักวิเคราะห์จาก Commerzbank กล่าวว่า ยอดนำเข้าที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ของอินเดียเป็นผลมาจากปริมาณความต้องการในช่วงเทศกาลแต่งงานที่กำลังเริ่มต้นขึ้น ประกอบกับเทศกาลทางศาสนาของฮินดู ได้แก่ อัคชยา ไตรติยา ที่จะเกิดขึ้นสิ้นเดือนนี้
• นักวิเคราะห์จาก INTL FCStone มีมุมมองว่า เฟดยังคงมีกำหนดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจำนวน 2 ครั้งในปีนี้ แต่ตลาดให้ความสำคัญไปยังการประชุมในเดือนมิถุนายน เพราะอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงสัญญาณชี้นำหากยังไม่มีการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมดังกล่าว
• รัฐบาลจีนออกมาเตือนสหรัฐฯกี่ยวกับความตึงเครียดกับเกาหลี ให้รีบถอยหลังก่อนที่จะเข้าสู่จุดที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว ขณะที่กองเรือจู่โจมของสหรัฐฯยังคงเคลื่อนตัวเข้าใกล้น่านน้ำเกาหลีเหนือทุกขณะ
นอกจากนี้ ยังคงมีความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายของนายทรัมป์ต่อเกาหลีเหนือ ที่ท้าทายด้วยการทดสอบมิสไซน์และขีปนาวุธจำนวนมากตอบโต้กับมาตรการคว่ำบาตร นับตั้งแต่ที่สหรัฐฯโจมตีซีเรียด้วยขีปนาวุธกว่า 59 ลูก ในสองสัปดาห์ก่อน ขณะเดียวกันในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯมีคำสั่งปล่อยขีปนาวุธขนาดใหญ่ไปยังเครือข่ายอุโมงค์ของกลุ่ม ISIS ทางตะวันออกของประเทศอัฟกานิสถาน
• นักวิเคราะห์มองว่า อาจเป็นเรื่องยากที่จะบอกถึงทิศทางของทองคำในขณะนี้ หากนายทรัมป์ตัดสินใจดำเนินการทางทหารกับเกาหลีเหนือก็อาจเห็นราคาทองคำแตะ 1,300 เหรียญได้