• ค่าเงินเยนปรับอ่อนค่าลงในวันนี้ ภายใต้แรงกดดันจากความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ปริมาณความต้องการสินทรัพย์ Safe-Haven อ่อนตัวลง หลังจากทราบผลการเลือกตั้งฝรั่งเศสรอบแรก โดยค่าเงินเยนอ่อนค่าลง 0.2% ที่ระดับ 111.3 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เมื่อวานนี้ภาพรวมปรับแข็งค่าขึ้นได้ 1.2% ซึ่งถือเป็นระดับวันที่ปรับตัวขึ้นได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนในช่วง 3 เดือน และเช้านี้ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นมาแถว 98.812 จุด
ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวบริเวณ 1.09285 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ฟื้นตัวขึ้นกว่า 1.3% ในวันจันทร์ที่ผ่านมา และทำให้ภาพระดับวันของค่าเงินยูโรดีที่สุดในรอบ 10 เดือนครึ่ง จึงทำให้ค่าเงินอื่นๆในภูมิภาคปรับตัวขึ้นตามแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนครึ่ง
• ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรจำเดือนเมษายนปรับตัวร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบกว่า 16 ปี ท่ามกลางยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนมีนาคมที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯโดยภาพรวมยังคงส่งสัญญาณถึงความแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีการชะลอตัวในไตรมาสแรก
เมื่อวานนี้ คอนเฟอร์เรนซ์บอร์ด เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนเมษายนร่วงลง 120.3 จุด จากระดับ 124.9 จุดในเดือนก่อนหน้า ซึ่งระดับก่อนหน้าถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ธันวาคมปี 2000
ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่เดือนมีนาคมปรับตัวขึ้น 5.8% ที่ระดับ 621,000 ยูนิต โดยภาพรวมเดือนมีนาคาปีนี้ขยายตัวได้ 15.6%เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว และยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง 3 เดือนติดกัน
• กระแสความกังวลเกี่ยวกับภาวะ Government Shutdown ที่อาจเกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้เริ่มผ่อนคลายลง หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯยอมถอนแผนของบประมาณต่อสภาคองเกรสเพื่อนำไปสร้างกำแพงชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก
• ขณะที่ในวันนี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีแผนจะทำการยื่นร่างนโยบายขอลดอัตราภาษีของภาคบริษัท รวมถึงลดภาษีสินค้านำเข้าสู่สหรัฐฯ
ทั้งนี้ คณะบริหารของนายทรัมป์ เผยว่า อาจมีการปรับลดภาษีนิติบุคคลลงประมาณ 15% จากระดับ 35% รวมทั้งแผนปรับลดภาษีภาคธุรกิจ ประกอบด้วยหุ้นส่วนภาคธุรกิจขนาดเล็ก และธุรกิจเจ้าของคนเดียวจากสู่ระดับ 15% จากระดับ 39.6%
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวขึ้น 33 เซนต์ ที่ระดับ 49.56 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับตัวขึ้น 50 เซนต์ ที่ระดับ 52.10 เหรียญ/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบทั้งสองปรับตัวลงหลังทราบรายงานจากสถาบัน API ก่อนจะรีบาวน์กลับมาปิดแดนบวกได้เมื่อคืนนี้
สำหรับวันนี้ ตลาดรอคอยข้อมูลจากหน่วยงาน EIA ของสหรัฐฯ ว่าจะสอดคล้องและช่วยยืนยันกับข้อมูลของ API หรือไม่
• สถาบัน API เผยรายงานที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวขึ้น 897,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ก็ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเล็กน้อย อย่างไรก็ดี ข้อมูลจาก API ล่าสุดยังคงน้อยกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์ประเมินไว้ว่าจะสต็อกน้ำมันดิบจะปรับตัวสูงขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล