• ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัวขึ้น 89.99 จุด หรือคิดเป็น +0.43% ที่ระดับ 20,894.83 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.52%และ Nasdaq ปิด +0.82%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และภาคบริษัทเอกชน หลังจากที่สหรัฐฯและซาอุดิอาระเบียลงนามข้อตกลงด้านอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนหลายพันล้านเหรียญ
นายทรัมป์ ได้เดินทางไปยังซาอุดิอาระเบียในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และลงนามข้อตกลงจำนวน 1.1 แสนล้านเหรียญ โดยทางซาอุดิอาระเบียจะทำการซื้อาวุธเพื่อช่วยตอบโต้อิหร่าน ซึ่งอาจมีมูลค่าสูงสุดประมาณ 3.5 แสนล้านเหรียญในช่วง 10 ปี
• ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวลักษณะ Sideways หลังจากที่ดัชนีหลักส่วนใหญ่ในสหรัฐฯปิดแดนบวก ท่ามกลางข่าวเหตุระเบิดกลางคอนเสิร์ตในเมืองแมนเชสเตอร์ของอังกฤษ จึงส่งผลให้ค่าเงินเยนกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครัง้หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวในฐานะ Safe-Haven ที่ระดับ 110.84 เย/ดอลลาร์ จากระดับ 111.34 เยน/ดอลลาร์
• ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯล่าสุดเดินทางถึงยังประเทศอิสราเอล หลังจากที่ช่วงปลายสัปดาห์ได้เดินทางไปยังซาอุดิอาระเบียเพื่อลงนามข้อตกลงการค้าวุธระหว่าง 2 ประเทศเป็นจำนวนเงินกว่า 3.5 แสนล้านเหรียญ
• ดัชนีนิกเกอิเปิด -0.05% ขณะที่ดัชนีออสเตรเลียเปิด +0.07% ด้านดัชนีหุ้นเกาหลีใต้เปิด +0.05%
• นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.30 – 34.45 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทเมื่อวานนี้ปรับอ่อนค่าหลังตัวเลขเส่งออกและดุลการค้าต่ำกว่าที่คาดการณ์ ขณะที่เหตุระเบิดโรงพยาบาลใจกลางเมืองก็เป็นปัจจัยเพียงสั้นๆเท่านั้น สำหรับระยะยาวยังคงต้องติดตามปัญหาการเมืองของสหรัฐฯ
• นักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อว่า การประชุม กนง. ในวันพรุ่งนี้จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% ต่อเนื่อง เพื่อหนุนการขยายตัวเศรษฐกิจ โดยภาพรวมเศรษฐกิจไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ในทิศทางที่ค่อนข้างดี ขณะที่การลดดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี และลูกค้ารายย่อย ช่วยลดทอนแรงกดดันต่อกำลังซื้อและภาระต้นทุนของภาคธุรกิจ ลงได้บ้างบางส่วน