• ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวในเช้าวันนี้ หลังจากที่เมื่อวานรีบาวน์กลับจากระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนครึ่ง โดยนักลงทุนกลับมาให้ความสนใจไปยังท่าทีในการดำเนินนโยบายของเฟด โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นมาบริเวณ 97.336 จุด หลังจากที่ร่วงลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 96.797 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา
ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวบริเวณ 1.1179 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินเยนปรับอ่อนค่าขึ้น 0.15% ที่ระดับ 111.945 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์
• ผลการประกาศข้อมูลยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯประจำเดือนเมษายนปรับตัวลง 11.4% ที่ระดับ 569,000 ยูนิต อันเป็นผลมาจากยอดขายบ้านทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปีครึ่ง ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์สหรํฐฯก็มีการปรับยอดขายบ้านใหม่ในเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 642,000 ยูนิต ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ตุลาคมปี 2007
อย่างไรก็ดี รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า แม้ข้อมูลยอดขายบ้านใหม่ในเดือนเมษายนจะร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบ 9 ปีครึ่ง แต่ข้อมูลที่อยู่อาศัยยังอยู่ในเกณฑ์ฟื้นตัว ท่ามกลางตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง
• ทีมบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยแผนงบประมาณประจำปี 2018 ซึ่งมีการเรียกร้องให้ตัดลดงบประมาณรัฐในช่วง 10 ปีข้างหน้าเป็นจำนวน 3.6 ล้านล้านเหรียญ ประกอบไปด้วย การลดงบประมาณด้านสุขภาพและสวัสดิการด้านอาหารสำหรับคนยากจน ซึ่งการคุมเข้มด้านงบประมาณที่เกิดขึ้นจะนำไปสนับสนุนงบประมาณทางการทหาร
ทั้งนี้ นายทรัมป์ต้องการตัดลดงบประมาณด้านสุขภาพทั้งหมดจำนวน 6.1 แสนล้านเหรียญ และสวัสดิการด้านอาหารอีกกว่า 1.92 แสนล้านเหรียญในช่วง 10 ปี เพื่อเป็นการปรับงบดุลของสหรัฐฯ
• นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯและทีมบริหารของทรัมป์ แสดงความเชื่อมั่นว่า แผนงบประมาณดังกล่าวจะช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเม็ดเงินลงทุน รวมทั้งจะเพิ่มการขยายงานให้เพิ่มขึ้นตามมา
• สถาบันจัดอันดับมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ ทำการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของจีนลงสู่ระดับ A1 จากระดับ Aa3 เนื่องจากมองว่าแผนปฏิรูปของจีนมีแนวโน้มจะล่าช้า
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวขึ้น 34 เซนต์ ที่ระดับ 51.47 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับตัวขึ้น 28 เซนต์ที่ระดับ 54.15 เหรียญ/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบยังคงปิดปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อย จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มสมาชิกโอเปกจะทำการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิต จึงช่วยบดบังข่าวที่ว่าทำเนียบขาวทำการยื่นขายคลังน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ
• ในวันพรุ่งนี้กลุ่มโอเปกจะมีการประชุมที่กรุงเวียนนา เพื่อตัดสินใจว่าจะทำการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อลดอุปทานตลาดโลกหรือไม่ โดยข้อตกลงในช่วงครึ่งปีแรกทางกลุ่มโอเปก รวมทั้งประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อื่นๆอย่างรัสเซียมีการร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิตจำนวน 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน
• ขณะที่ซาอุดิอาระเบียดูจะพึงพอใจที่จะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีกประมาณ 9 เดือน ซึ่งสูงกว่าแผนขั้นต้นที่ว่าจะขยายเพียง 6 เดือน โดยคาดหวังว่าการปรับลดกำลังการผลิตที่ยาวนานออกไปจะรักษาสมดุลของราคาน้ำมันดิบหรือทำให้ราคายืนเหนือ 50 เหรียญ/บาร์เรล
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแผนจะทำการขายน้ำมันสำรองฉุกเฉิน (SPR) ของประเทศออกมาครึ่งหนึ่งจากจำนวน 688 ล้านบาร์เรล ในปี 2018 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม โดยคาดว่าปีแรกน่าจะสร้างรายได้ได้ประมาณ 500 ล้านเหรียญในทันที ขณะที่ยอดขายตั้งแต่ปี 2018 – 2027 น่าจะสร้างรายได้ให้สหรัฐฯได้สูงถึง 1.65 หมื่นล้านเหรียญฯ
• รายงานล่าสุดจากรอยเตอร์ส ระบุว่า กลุ่มก่อการร้าย IS ออกมาแสดงตัวว่าเป็นผู้ก่อเหตุระเบิดในเมืองแมนเชสเตอร์ของอังกฤษ
• นายรอดดิโก ดูเตอร์เต้ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ประกาศใช้กฎอัยการศึกได้กำหนดให้เมือง มาราวี ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ หลังเกิดเหตุก่อการร้ายในพื้นที่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยผู้ก่อการร้ายมีการวางระเบิดในเขตต่างๆของเมือง บุกรุกเข้าไปในโรงพยาบาล สังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร และจับบุคลากรในโรงพยาบาลเป็นตัวประกัน โดยกลุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นผู้กระทำในครั้งนี้คือกลุ่มไอซิส