• ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา พบว่า ข้อมูลประมาณการณ์จีดีพีไตรมาสแรกออกมาดีขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 1.2% ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนประจำเดือนเมษายนออกมาดีขึ้นกว่าที่คาดที่ระดับ -0.7% แต่ยังคงถือว่าปรับตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 0.9%
• ด้านยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ไม่รวมกลุ่มยานยนต์ออกมาแย่ลงกว่าที่คาดแตะระดับ -0.4% ประกอบกับการปรับทบทวนความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนพฤษภาคมนี้ของมหาวิทยาลัยมิชิแกนก็ออกมาแย่กว่าที่คาดบริเวณ 97.1 จุด
• ค่าเงินดอลลาร์ในคืนวันศุกร์ปรับแข็งค่าขึ้นทันทีหลังทราบข้อมูลจีดีพีสหรัฐฯ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ของอังกฤษปรับอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกลางเดือนมกราคม หลังโพลล์ล่าสุดชี้ว่าคะแนนนิยมของทั้สองพรรคการเมืองสูสีกันก่อนจะเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไปในเดือนหน้า โดยดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้น 0.18% ที่ระดับ 97.423 จุด หลังจากที่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ บริเวณ 97.548 จุด ในช่วงต้นตลาด
• ขณะที่ค่าเงินปอนด์ปรับลงมาประมาณ 1% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่ระดับ 1.27769 ดอลลาร์/ปอนด์ ขณะที่ค่าเงินเยนทรงตัวบริเวณ 111.2 เยน/ดอลลาร์ และค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลงไปทำจุดต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์บริเวณ 1.1161 ดอลลาร์/ยูโร
อย่างไรก็ดี ปริมาณการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างเบาบาง ท่ามกลางการเข้าสู่ช่วงวันหยุดต่อเนื่องของสหรัฐฯและอังกฤษ
• รายงานจากเฟดสาขานิวยอร์ก มีการปรับลดแนวน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ลง โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ 2.17% จากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.32%
• ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ระบุว่า การประชุม G7 มีความคืบหน้ามากขึ้นในเรื่องการค้าในเชิงระบบพหุภาคี ขณะที่ทางสหรัฐฯมีท่าทีกีดกันทางการค้าลดน้อยลงไป
• ขณะที่การประชุม G7 ล่าสุด ผู้นำสหรัฐฯ ยังคงมีการกล่าวโจมตีพันธมิตรนาโต้ และปฏิเสธการให้ความร่วมมือด้านข้อตกลงสิ่งแวดล้อม รวมทั้งตำหนิประเด็นดุลการค้าของเยอรมนีเป็นสิ่งที่แย่มากๆ
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ในการประชุม G7 ยังไม่สามารถหาข้อตกลงทางการค้าร่วมกับรัสเซียได้
• ขณะที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยทางทวิตเตอร์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า เขาจะอาจทำการตัดสินใจเกี่ยวกับข้อตกลงเรื่องสิ่งแวดล้อมกับทางฝรั่งเศสในสัปดาห์นี้
• ผลประกอบการภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีนปรับตัวขึ้น 14% ในเดือนเมษายยนเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ภาพรวมก็ยังชะลอตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จึงยิ่งเพิ่มความกังวลต่อทิศทางการขยายตัวของเศรษฐิกจจีนที่อาจกลับมาชะลอตัว
• น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวขึ้น 90 เซนต์ หรือคิดเป็น 1.8% ที่ระดับ 49.80 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ระหว่างวันร่วงลงไปทำจุดต่ำสุบริเวณ 48.18 เหรียญ/บาร์เรล
ด้านราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 69 เซนต์ หรือคิดเป็น 1.3% ที่ระดับ 52.15 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 50.71 เหรียญ/บาร์เรลในคืนวันศุกร์
ทั้งนี้ แม้คืนวันศุกร์ราคาน้ำมันดิบจะปิดรีบาวน์ได้กว่า 1% แต่ภาพรวมน้ำมันดิบ Brent ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงเกือบ 3%หลังจากที่กลุ่มโอเปกตัดสินใจขยายเวลาการผลิตแต่คงเพดานการปรับลดกำลังผลิตเท่าเดิม ประกอบกับนักลงทุนในตลาดเริ่มชะลอการซื้อขายหลังจากที่เทขายกันอย่างหนักในคืนวันพฤหัสบดี ก่อนเข้าสู่ช่วงหยุดยาวของสหรัฐฯและอังกฤษ
• รายงานล่าสุดจากรอยเตอร์ส ระบุว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของ นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีคะแนนนำพรรคแรงงานอยู่ 14% ก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 มิถุนายนนี้ โดยโพลล์ล่าสุดจาก ICM ชี้ให้เห็นว่า พรรคอนุรักษ์นิยมมีคะแนนนิยมที่ระดับ 46% ขณะที่พรรคแรงงานมีคะแนน 32%
• ทางการเกาหลีใต้รายงานว่า เช้านี้ทางเกาหลีเหนือมีการยิงวัตถุต้องสงสัยที่ลงจอดบริเวณนอกชายฝั่งตะวันออก ซึ่งการดำเนินการล่าสุดเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบขีปนาวุธ และอาจส่งผลให้มีมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม