• ดัชนีดาวโจนส์ปิด -0.24% ที่ระดับ 21,029.47 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -0.12% และ ดัชนี Nasdaq ปิด -0.11% โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและการเงิน จึงบดบังการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 เหรียญ/บาร์เรล จากความกังวลที่ว่า การปรับลดกำลังการผลิตของสมาชิกโอเปก อาจไม่เพียงพอที่จะชดเชยกับภาวะอุปทานโลกที่เกิดขึ้น ประกอบกับสัญญาณการกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตของลิเบีย
• สำหรับข้อมูลการใช้จ่ายผู้บริโภคและหนึ่งในมาตรวัดเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้น อาจหนุนให้เฟดตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ โดยผลสำรวจล่าสุดของ Thomson Reuters แสดงให้เห็นว่า บรรดาเหล่าเทรดเดอร์มองว่า มีโอกาส 86.6% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
• ตลาดหุ้นเอเชียทรงตัวด้วยท่าทีระมัดระวังในตลาด หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯอ่อนตัว ขณะที่ค่าเงินปอนด์ยังคงร่วงลงจากโพลล์เลือกตั้งของอังกฤษที่ระบุว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของอังกฤษเสียงที่สูญเสียที่นั่งส่วนใหญ่ในสภาจากการเลือกตั้งในเดือนหน้า
• เช้านี้ดัชนีนิกเกอิเปิด -0.42% ขณะที่ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.34%
• นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 34.05-34.20 บาท/ดอลลาร์ หลังผู้ว่าแบงก์ชาติออกมาชี้แจงว่ายังดูแลค่าเงินเช่นเดิม ขณะที่เหล่านักลงทุนรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในคืนวันศุกร์