• ดัชนีดาวโจนส์ปิด -0.1% ที่ระดับ 21,008.65 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -0.05% และดัชนี Nasdaq ปิด -0.08% ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลงเล็กน้อยตามการร่วงลงของหุ้นกลุ่มการเงิน หลังจากที่ JP Morgan และ Bank of America ลดมุมมองที่สดใสของผลประกอบการ
โดย JP Morgan ระบุว่า ผลประกอบการในปัจจุบันลดลง 15% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ Bank of America มองว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 น่าจะปรับตัวลง 10-12% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
• เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ และค่าเงินปอนด์ที่ปรับอ่อนค่าลงเพราะได้รับแรงกดดันจากภาวะความกังวลทางการเมืองก่อนทราบผลการเลือกตั้งของอังกฤษ
• ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ป่น เปิด -0.2% และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 5 วันทำการ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่เทขายทำกำไร หลังจากที่ดัชนีปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบ 2 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประกอบกับความกังวลทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ยังคงเป็นตัวกดดันความเชื่อั่นของนักลงทุนในตลาด
• ด้านดัชนีนิกเกอิเปิด +0.8% หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯแสดงให้เห็นว่า ผลประกอบการบริษัทเอกชนของญี่ปุ่นในไตรมาสแรกปรับตัวขึ้นเป็นประวัติการณ์ในช่วงมกราคม – มีนาคม
• นักบริหารเงิน ประเมินว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.00-34.10 บาท/ดอลลาร์ เป็นผลจากเงินทุนไหลเข้า โดยในช่วงนี้หลายประเทศเผชิญปัญหาทางการเมือง จึงทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาที่ตลาดในภูมิเอเชียรวมทั้งไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งดูได้จากตลาดพันธบัตรที่ต่างชาติยังคงซื้อสุทธิ และ หากเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องอาจทำให้เงินบาทมีโอกาสลงไปแตะระดับ 33บาท/ดอลลาร์ได้