MTS Help Center

• ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน หลังทราบผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อมูลการจ้างงานที่ออกมาแย่ลงกว่าที่คาดในเดือนพ.ค. จึงอาจส่งผลต่อทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงครึ่งปีหลัง โดยดัชนีดอลลาร์ร่วงลงมาแตะระดับ 96.725 จุด ก่อนที่จะปรับขึ้นเล็กน้อยและทรงตัวในเช้านี้ที่ระดับ 96.748 จุด ข

ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนบริเวณ 1.1282 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนจะทรงตัวบริเวณ 1.1276 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยนปรับแข็งค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์บริเวณ 110.44 เยน/ดอลลาร์

• ผลการประกาศข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯ พบว่า รายงานการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯชะลอตัวลงในเดือนพ.ค. โดยข้อมูลการจ้างงานในช่วง 2 เดือนดูจะยังแข็งแกร่งไม่เพียงพอ จึงบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานอาจกำลังชะลอตัว แม้ว่าอัตราคนว่างงานจะปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี ท ระดับ 4.3%

ถึงแม้ว่าข้อมูลการจ้างงานจะออกมาแย่ลง แต่ข้อมูลล่าสุดจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ยังคงชี้ให้เห็นว่า บรรดาเหล่าเทรดเดอร์ยังมีความมั่นใจว่า มีโอกาส 96% ที่เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า

• นายแพทริก ฮาเกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดเฟีย กล่าวว่า เงินเฟ้อมีการขยายตัวตามเป้า พร้อมสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจำนวน 2 ครั้งในปีนี้

อย่างไรก็ดี เขาก็ยังมีความกังวลต่อการปราศจากความชัดเจนและแน่นอนจากแนวทางการดำเนินนโยบายของทีมบริหารนายทรัมป์ ว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯได้

• นายโรเบิร์ต เคพแลนด์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส แสดงมุมมองเชิงบวกว่าสหรัฐฯจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าครั้งใหม่กับเม็กซิโก และแคนาดาได้ แต่ก็ญังมีความกังวลว่าอาจเกิดการต่อต้านชาวอเมริกาเพิ่มมากขึ้นในเม็กซิโก

• รายงานเศรษฐกิจของเฟดสาขาแอตแลนต้า ปรับคาดการณ์มุมมมองการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯในไตรมาสที่ 2/2017 ว่าจะขยายตัวได้ 3.4% ท่ามกลางรายงานการจ้างงานภายในประเทศที่ออกมาแย่กว่าที่คาด จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ระดับ 4%

• World Bank เผย คาดการณ์เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้และขยายตัวสู่ระดับ 2.7% ในปีนี้ โดยได้รับอานิสงค์จากการฟื้นตัวของภาคการผลิตและการค้า ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของตลาดและราคาสินค้าโภคภัณฑ์

• โพลล์ล่าสุดของอังกฤษชี้ให้เห็นว่า คะแนนนิยมของพรรคอนุรักษ์นิยมทิ้งห่างคู่แข่งเพียง 1 จุดเท่านั้น โดยล่าสุดอยู่ที่ 40% ต่อ 39% จึงส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้งก่อนการเลือกตั้ง 8 มิ.ย.นี้

• ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวลง 62 เซนต์ ที่ระดับ 47.74 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับตัวลง 61 เซนต์ ที่ระดับ 50.02 เหรียญ/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบที่ปิดปรับตัวลงเกือบ 1% ในคืนวันศุกร์ ถือเป็นระดับการปิดปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ตัดสินใจถอนตัวจากข้อตกลงสิ่งแวดล้อม จึงอาจส่งผลต่อปริมาณการผลิตในประเทศ ประกอบกับตลาดน้ำมันยังมีแรงกดดันจากภาวะอุปทานน้ำมันโลกล้นตลาด

• รายงานล่าสุดจาก Reuters ระบุว่า กลุ่มก่อการร้าย IS ออกมาแสดงตนเป็นผู้ก่อเหตุระเบิดในกรุงลอนดอนในคืนวันเสาร์ ซึ่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้นจำนวน 7 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 12 ราย

• ทางด้านเกาหลีเหนือไม่สนใจต่อการประกาศคว่ำบาตรล่าสุดจากทางสหรัฐฯ และจะยังเดินหน้าพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ต่อไปโดยปราศจากการเลื่อนหรือชะลอออกไป