MTS Help Center

• ราคาทองคำทรงตัวที่บริเวณ 1,266 เหรียญ ท่ามกลางการเฝ้าระวังของเหล่านักลงทุนก่อนหน้าการประชุมนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งน่าจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้

• หัวหน้าฝ่ายการตลาดจาก Lee Cheong Gold Dealers คาดการณ์ว่า หากเฟดไม่ส่งสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายการเงินที่รัดกุม ราคาทองคำน่าจะทรงตัวอยู่ได้อีกสักระยะหนึ่ง เนื่องจากมีจำนวนผู้ถือสถานะ Long ในตลาดอยู่มาก ในขณะที่บางส่วนกำลังเผ้ารอสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน

• นักวิเคราะห์จาก ANZ กล่าวว่า ตลาดได้ตอบรับกับข่าวที่คาดว่าเฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปี 2017 แต่หากเฟดให้สัญญาณการคุมเข้มทางการเงิน ราคาทองคำก็น่าจะถูกกดดันในระยะสั้นๆ เนื่องจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์

• ราคาซิลเวอร์ปรับลดลง 0.3% ที่ระดับ 16.87 เหรียญ โดยทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 16.80 เหรียญ หลังจากที่ปรับร่วงลงมาแล้ว 1.4% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดลงที่มากที่สุด นับตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม

• ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำถูกกดดันติดต่อกัน 4 วันทำการ จากกระแสคาดการณ์ที่เฟดจะทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยมาตลอดนับตั้งแต่ราคาทำจุดสูงสุดใกล้ 1,300 เหรียญ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนทีผ่านมา

ขณะที่เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ล่าสุด แสดงให้เห็นว่าตลาดมองโอกาส 98.96% ที่เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้

อย่างไรก้ดี แม้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าตลาดได้ตอบรับข่าวโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้วก็ตาม นักลงทุนยังคงกำลังจับตาดูว่า เฟดจะดำเนินการเช่นไร เกี่ยวกับพอร์ตงบดุล ที่มีมูลค่ามากกว่า 4.5 ล้านล้านเหรียญ โดยตลาดทราบแล้วว่าเฟดจะทำการปรับลดปริมาณพอร์ตลง แต่เรื่องของจังหวะที่เฟดจะดำเนินการดังกล่าวยังคงเป็นปริศนา

• ราคาทองคำปัจจุบันเคลื่อนไหวแถวระดับระดับ 1,270.70 เหรียญ ซึ่งอาจปรับตัวสูงขึ้นและมีโอกาสแตะระดับ 1,300 เหรียญได้ หากเฟดมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังสิ้นสุดการประชุมในวันที่ 14 มิ.ย.นี้

ผู้เชี่ยวชาญตลาดทองคำ แสดงความคิดเห็นว่า ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ จะเห็นได้ถึงการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในลักษณะ Sideways เนื่องจากตลาดยังคงรอคอยผลการประชุมเฟด ซึ่งอาจเป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเหนือ 1,300 เหรียญได้ และหากราคาสามารถกลับขึ้นระดับดังกล่าวได้ จะทำให้ภาพรวมราคาทองคำปีนี้ปรับตัวขึ้นได้ 8.6% ขณะที่ภาพรวมดัชนีดาวโจนส์ปรับขึ้นได้ประมาณ 7.63%