ผลการประชุมของธนาคารสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อคืนที่ผ่านมา นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน ที่เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย พร้อมทั้งอาจเริ่มต้นปรับลดการถือครองพันธบัตรและตราสารหนี้อื่นๆในปีนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯและความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน
เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่กรอบ 1.00 – 1.25% พร้อมทั้งคาดการณ์ว่าจะสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกกว่า 1 ครั้งในปีนี้ และดูเหมือนว่าเฟดจะไมได้สนใจต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนเมื่อไม่นานมานี้
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการสมาชิกเฟด ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง และบ่งชี้ถึงภาวะการอ่อนตัวของเงินเฟ้อที่ผ่านมาว่าเป็นเพียงการปรับตัวลงชั่วคราว
อย่างไรก็ดี ถือเป็นครั้งแรกที่เฟดให้ความชัดเจนเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับรายละเอียดของแผนการปรับลดยอดงบดุลจำนวน 4.2 ล้านล้านเหรียญในพอร์ตฟอลิโอที่ถือครองพันธบัตรและตราสารการเงินที่ผู้ซื้อลงทุนในสินเชื่อที่อยู่อาศัย (MBS) ที่ได้ทำการเข้าซื้อไว้ในช่วงที่เกิดวิกฤตทางการเงินและภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่งปี 2007-2009 โดยมีการคาดการณ์ว่าจะเริ่มปรับงบดุลให้เข้าสู่ภาวะปกติในปีนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่เฟดก็ยังไม่ได้เปิดเผยจำนวนการทยอยปรับลดลงในการประชุมวาระนี้แต่อย่างใด
โดยในเบื้องต้น คาดว่าเฟดจะจำกัดการปรับลดการถือครองพันธบัตรประมาณ 6 พันล้านเหรียญ/เดือน และจะขยายเพดานการถือครองพันธบัตรออกไปทุกๆไตรมาส จนกว่าจะบรรลุ 3 หมื่นล้านเหรียญ/เดือน
ขณะที่ตรสารหนี้และตราสาร MBS คาดเบื้องต้นจะจำกัดการปรับลดที่ระดับ 4 พันล้านเหรียญ/เดือน ก่อนจะขยายเพดานสู่ระดับ 4 พันล้านเหรียญทุกไตรมาสจนกว่าจะบรรลุ 2 หมื่นล้านเหรียญ/เดือน
จับตาเงินเฟ้อ
การตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่ผ่านมาจำนวน 4 ครั้ง ถือเป็นส่วนหนึ่งในการปรับนโยบายให้เข้าสู่ภาวะปกติ ที่เริ่มขึ้นนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2015 ที่ผ่านมา หลังจากที่เฟดตัดสินใจคงดอกเบี้ยในระดับต่ำเกือบ 0% ในช่วงเกิดวิกฤตทางการเงิน
เจ้าหน้าที่เฟดเผยข้อมูลเศรษฐกิจรายไตรมาสล่าสุด โดยแสดงให้เห็นถึงความกังวลเพียงชั่วคราวเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ แต่ยังมีความมั่นใจเช่นเดิมต่อเรื่องการขยาตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
โดยเฟดเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวได้ 2.2% ในปี 2017 โดยเป็นการปรับทบทวนเพิ่มขึ้นจากประมาณการณ์ครั้งก่อนหน้าในเดือนมีนาคมที่ว่าในช่วงสิ้นปีนี้เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 1.7%
การอ่อนตัวของเงินเฟ้อในช่วงกว่า 2 เดือนที่ผ่านมาเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น แต่หากยังคงปรับตัวลงต่อเชื่อว่าอาจส่งผลกระทบต่อแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้ แต่ในการประชุมเฟดล่าสุด เฟดก็ยังคงคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจำนวน 3 ครั้งในปีหน้า
โดยเฟดมีการปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อลงสู่ระดับ 1.5% จากระดับ 1.8% ในช่วงต้นปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเงินเฟ้อนั้นยังคงขยายตัวได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่เฟดวางไว้ 2% ในรอบกว่า 5 ปี ขณะที่ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคล่าสุดก็ปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ในเดือนพ.ค. ซึ่งนับเป็นการร่วงลงครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน
ทั้นี้ ประธานเฟด ยังชี้ให้เห็นว่า เฟดยังคงมีความมั่นใจการขยายตัวของเงินเฟ้อตามเป้าหมายระยะกลาง โดยได้รับอานิสงค์จากการขยายตัวที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของตลาดแรงงาน
ขณะที่อัตราการว่างงานในช่วงสิ้นปีนี้น่าจะปรับลดลงมาที่ระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับปัจจุบัน และในปีหน้าจะปรับลดลงมาที่ 4.2% ยิ่งถือเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นด้านตลาดแรงงานของเฟด
สำหรับการประเมินค่ามัธยฐานอัตราดอกเบี้ยในระยะยาว เฟดยังคงคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.0%
ที่มา: Reuters