· ดัชนีดาวโจนส์ปิด +0.11% ที่ระดับ 21,384.28 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.03% และดัชนี Nasdaq ปิด +0.22%
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย จากข้อตกลงของบริษัท Amazon.com กับบรรดาร้านค้าของชำ จึงสร้างแรงกดดันต่อตลาดค้าส่งอาหารและอื่นๆ จึงทำให้หุ้นบริษัท Wal-Mart ร่วงลง 4.7%, บริษัทของชำอย่าง Kroger ร่วงลง 9.2% และบริษัทค้าส่ง Costco Wholesale ร่วงลง 7.2% ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวลดลงหลังจากที่ผิดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน จึงช่วยชดเชยการร่วงลงของดัชนีหลักในตลาดหุ้นสหรัฐฯได้
· ตลาดหุ้นเอเชียเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยการเปิดปรับตัวขึ้นเช้านี้ หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ค่าเงินปอนด์และค่าเงินยูโรทรงตัวก่อนเข้าสู่การเจรจาBrexit ระหว่างอังกฤษและอียู โดยในวันนี้จะเป็นเลขาธิการด้าน Brexit เริ่มต้นเจรจาที่กรุงบรัสเซล ก่อนที่จะเข้าพบกับ นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ โดยรอยเตอร์ศ คาดว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษอาจเข้าร่วมการประชุมแต่น่าจะยังไม่เจรจากับเหล่าผู้นำอียู
· เช้านี้ดัชนี MSCI เปิด +0.2% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิเปิด +0.6%
· นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ที่ 33.85-34.10 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยตลาดกำลังจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่และบ้านมือสองประจำเดือนพฤษภาคม รวมถึงดัชนี PMI ภาคบริการประจำเดือนมิถุนายน