• ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัวลงหลังจากที่ปรับตัวขึ้นในช่วงต้นตลาด โดยปิด -0.06% ที่ระดับ 21,397.29 จุด ขณะที่ดัชนีS&P500 ปิด -0.05% ที่ระดับ 2,434.5 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +0.04% ที่ระดับ 6,236.69 เหรียญ
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มสุขภาพในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นได้ 1% ซึ่งเป็นการปิดปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง 5 วันทำการหลังจากที่วุฒิสมาชิกของพรรครีพับลิกันเผยร่างกฎหมายประกันสุขภาพที่จะมาแทนที่โอบามาแคร์ ขณะเดียวกันหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มผู้บริโภคหลักๆร่วงลงวานนี้
ขณะที่หุ้นกลุ่มไบโอเทคโนโลยีในดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 1.3% ขณะที่สัปดาห์นี้ปรับตัวขึ้นได้ 9.4% แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าร่างกฎหมายสุขภาพของนายทรัมป์จะได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอที่จะเป็นกฎหมายได้หรือไม่ ขณะที่หุ้นกลุ่มยาในดัชนี S&P500ตอบรับโดยปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งหุ้นบริษัทยาอย่าง Gilead ปรับขึ้นได้ 4.4%
• การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯเป็นไปอย่างจำกัด ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่รอคอยการประกาศรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2
• เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผันผวน แต่ภาพรวมสัปดาห์นี้ยังอยู่ในแดนบวก ขณะที่ราคาน้ำมันดิบสามารถปรับตัวขึ้นได้จากระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดทรงตัวเช้านี้ แต่ภาพรวมรายสัปดาห์ปรับขึ้นได้ 0.4% ด้านดัชนีนิกเกอิเปิดปรับตัวลดลงเ แต่ภาพรวมสัปดาห์นี้ขึ้นได้ 0.8% และทำจุดสุงสุดนับตั้งแต่ ส.ค. ปี 2015
• นักบริหารเงิน ประเมินกรอบเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.95-34.02 บาท/ดอลลาร์ โดยยังคงไม่มีปัจจัยใหม่ๆ หลังตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ออกมาเพิ่มขึ้นตามคาด