นักวิเคราะห์รายหนึ่ง กล่าวว่า ราคาทองคำได้รับอานิสงค์จากภาวะตึงเครียดทางการเมือง แต่ท่าทีคุมเข้มทางการเงินมากขึ้นของธนาคารกลางต่างๆทั่วโลกกับลังเป็นปัจจัยใหม่ที่เข้ากดดันทองคำ และมีโอกาสที่จะทำให้ราคาทองคำในช่วงสิ้นปีอยู่ต่ำกว่าระดับ 1,200 เหรียญได้
ขณะที่นักกลยุทธ์การตลาดระดับโลกจาก Westpac เผยคาดการณ์ราคาทองคำในช่วงสิ้นปี ซึ่งคาดว่าจะปรับตัวลดลงแตะระดับ 1,183 เหรียญ เนื่องจากราคาทองคำเริ่มเผชิญกับความผันผวนในช่วงเริ่มต้นครึ่งปีหลังนี้ โดยเฉพาะนโยบายการเงินที่กำลังมาถึง
ซึ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า เฟดจะเดินหน้าปรับนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติอย่างต่อเนื่อง และในช่วงเข้าสู่เดือนกรกฎาคมอาจต้องจับตาไปยังธนาคารกลางแคนาดา (BoC) หลังจากที่ นายแคโรลิน วิลกินส์ ผู้ว่าการฝ่ายปกครองระดับสูงของธนาคารกลาง มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 12 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ ขณะที่เมื่อไม่นานมานี้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีความมั่นใจมากขึ้นว่า บีโออีจะสามารถทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้
อย่างไรก็ดี ตลาดตอบรับกับการเคลื่อนไหวของเฟดครั้งล่าสุด ที่ตัดสินใจดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจำนวน 0.25% และประกาศแผนจะทำการปรับลดยอดงบดุลจำนวน 4.5 ล้านล้านเหรียญ
อันจะเห็นได้ว่า ถ้อยแถลงของผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา ได้กล่าวในเชิง “คุมเข้มทางการเงิน" ท่ามกลางการขยายตัวของเศรษฐกิจแคนาดา จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้คณะกรรมาธิการของธนาคารกลางอาจพิจารณาหานโยบายมาแทนที่การกระตุ้นเศรษฐกิจ
ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ มีแนวโน้มค่อนข้างชัดเจนที่จะหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ไม่แน่นอนว่าจะเกิดในเร็วๆนี้ หรือเกิดขึ้นช้าเกินไป จากความผันผวนที่เกิดขึ้นภายในประเศในช่วง 6-9 เดือนที่ผ่านมา
ดังนั้น จึงจะเห็นได้ว่า แนวทางการคุมเข้มนโยบายไม่เป็นปัจจัยที่จะเข้าสนับสนุนราคาทองคำได้ จึงเสี่ยงที่ราคาทองคำจะอ่อนตัวได้อย่างต่อเนื่อง และหากทองคำหลุดต่ำกว่าระดับ 1,245 เหรียญลงมา ก็มีโอกาสจะหลุดต่ำกว่า 1,230 เหรียญ หรือแม้แต่ร่วงลงต่อมาแถวระดับ 1,210 เหรียญได้
ที่มา: Kitco