• ราคาทองคำปิดระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 สัปดาห์ หลังจากที่ได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์ที่รีบาวน์กลับได้เมื่อคืนนี้ หลังจากที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา และการฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯจึงกดดันความต้องการลงทุนในสินค้าโลหะมีค่าอย่างทองคำ
• สัญญาทองคำส่งมอบเดือนส.ค. ของตลาด COMEX ปิดร่วงลง 23.1 เหรียญ หรือคิดเป็น -1.9% ที่ระดับ 1,219.2 เหรียญ โดยถือเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่ราคาปิดทรงตัวแถวระดับ 1,242 เหรียญในคืนวันศุกร์ หรือเป็นการปรับตัวลดลงต่อจากสัปดาห์ที่แล้วที่ร่วงลง 1.1% ทำให้ภาพรวมเดือนมิ.ย. ทองคำยังคงปรับตัวลงต่ออีก 2.6%
อย่างไรก็ดี ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ถือเป็นปีที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้เกือบ 8%
• สัญญาซิลเวอร์ส่งมอบเดือน ก.ย. ได้รับแรงกดดันเช่นกัน โดยปิดร่วงลง 53.5 เซนต์ หรือคิดเป็น -3.2% ที่ระดับ 16.092 เหรียญ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สองของเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
• ด้านค่าเงินดอลล์แม้จะรีบาวน์กลับขึ้นมาได้ แต่ภาพรวมปีนี้อยู่ในทิศทางอ่อนค่าและมีการอ่อนค่าลงไปแล้วเกือบ 6% ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวานนี้ปรับตัวขึ้นได้อย่างมาก หลังรายงานการผลิตภายในประเทศขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนมิถุนายน โดยแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014
• นักวิเคราะห์จาก ThnikMarkets กล่าวว่า การฟื้นตัวอย่างมากของดัชนีในตลาดหุ้นส่งผลให้นักลงทุนเลือกที่จะลดการถือครองทองคำลง แต่ภาพรวมในช่วงเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ หุ้นยังดูไม่สดใสเท่าทองคำ และมีโอกาสเกิดแรงดึงกลับได้
• กองทุนทองคำ SPDR เทขายต่อเนื่อง 2 วันทำการ โดยเมื่อวานนี้ขายออกอีก 6.21 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 846.29 ตัน
• นักวิเคราะห์จาก UBS Group AG กล่าวว่า ทองคำยังมีแนวโน้มจะผันผวนต่อ ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้น และนักลงทุนในตลาดขานรับต่อแนวทางการปรับเปลี่ยนนโยบายของบรรดาธนาคารกลางต่างๆในเชิงคุมเข้มทางการเงิน ประกอบกับตลาดหุ้นทำจุดสูงสุดอย่างต่อเนื่อง และทั้งหมดนี้ถือเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ
• ในสัปดาห์ที่แล้ว มีการเทขายพันธบัตรรัฐบาลเกิดขึ้นทั่วโลกอย่างหนัก จากความกังวลเกี่ยวกับการที่ธนาคารกลางต่างๆอาจจะทำการสิ้นสุดยุคแห่งการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ขณะที่เฟดก็พร้อมที่จะลดพันธบัตรในพอร์ต ประกอบกับทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่เฟดไม่ใช่เพียงธนาคารกลางแห่งเดียวที่จะดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงิน
เนื่องด้วยความกังวลจากการที่ อีซีบี และเฟดดูเหมือนจะมีการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลจำนวนมาก และอาจเปลี่ยนแนวทางการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินกลับมาเป็นนโยบายคุมเข้มทางการเงินเพิ่มขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนขายพันธบัตรและทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้นทันที ซึ่งราคาผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นได้ลดความน่าสนใจของทองคำลงไป
ขณะที่เป้าหมายเงินเฟ้อรายปีที่ระดับ 2% ของเฟด ดูเหมือนว่าจะยังคงชะลอตัวอยู่ ซึ่งดูเหมือนว่าราคาทองคำน่าจะได้รับอานิสงค์จากการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ เพราะทองคำมักถูกใช้เป็นฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงเมื่อเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น