MTS Help Center

• วันนี้ราคารีบาวน์ขึ้นจากระดับต่ำสุดรอบ 7 สัปดาห์ หลังจากที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธเข้าใส่บริเวณน่านน้ำของญี่ปุ่น จึงยิ่งเพิ่มแรงกดดันทางการเมืองและจุดประกายความต้องการทองคำในฐานะ Safe-Haven

• ทองคำวันนี้ปรับตัวขึ้นประมาณ 0.3% แถวระดับ 1,227.47 เหรียญ ก่อนจะทรงตัวแถวระดับ 1,222 เหรียญ

• โดยภาวะความตึงเครียดทางการเมืองที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบบางส่วนต่อตลาดการเงินเป็นวันที่ 2 ท่ามกลางเกาหลีเหนือที่มีท่าทีคุกคามทางทหารมากขึ้นจากการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ จึงส่งผลให้ค่าเงินเยนและราคาทองคำปรับตัวขึ้น ขณะเดียวกันตลาดหุ้นเอเชียก็ปรับตัวสูงขึ้น

• หุ้นญี่ปุ่นและหุ้นฮ่องกงปรับตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงในวันนี้ โดยได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวในหุ้นกลุ่มยานยนต์และหุ้นเทคโนโลยี ขณะที่ค่าเงินเยนและราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ 2 วันทำการ หลังมีข่าวว่าทางเกาหลีเหนือมีการปล่อยขีปนาวุธ จึงสร้างความวิตกกังวลให้กับประเทศใกล้เคียงเกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และสร้างแรงกดดันให้กับราคาน้ำมันดิบหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง 8 วันทำการ ทางด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯและตลาดพันธบัตรสหรัฐฯกลับมาเปิดทำการอีกครั้งหลังจากที่หยุดไปเมื่อวานนี้

• นายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือได้สร้างความตึงเครียดให้กลับมาครั้งใหม่ต่อความพยายามในการทดสอบความสามารถของขีปนาวุธที่ได้พัฒนาขึ้นของเขา แม้ว่าจะถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯและจีน แต่แรงกดดันจากสองชาติมหาอำนาจก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล โดยเกาหลีเหนือได้ทดสอบขีปนาวุธเมื่อวานนี้ ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ เรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรรอบใหม่จากสหรัฐฯและชาติพันธมิตร และอาจนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

• ตลาดตอบรับอย่างรวดเร็วจากข่าวความตึงเครียดบริเวณคาบสมุทรเกาหลีเหนือที่เกิดขึ้น จึงทำให้เกิดแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น และความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นก่อนการประชุม G20 ในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่เตรียมจะจัดประชุมด่วนในวันนี้

อย่างไรก็ดี ในวันนี้เฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย. ซึ่งล่าสุดนักลงทุนรอคอยสัญญาณเกี่ยวกับแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก่อนที่ในวันศุกร์นี้จะมีการเปิดเผยข้อมูลสำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ข้อมูลการจ้างงานรัฐบาล ขณะที่นักลงทุนในตลาดหุ้นปีนี้ดูจะมีความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จึงทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับตัวขึ้นตลอดเวลา แต่การเข้าซื้อพันธบัตรดูเหมือนจะมีแนวโน้มลดน้อยลง ท่ามกลางความไม่มั่นใจเกี่ยวกับแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

• รายงานจาก CFTC ระบุว่า บรรดาเฮดจ์ฟันด์และผู้จัดการกองทุนทำการลดสถานะการถือครอง Long Position ของทองคำและซิลเวอร์ในตลาด COMEX ลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3

• นักวิเคราะห์จาก Sucden Financial กล่าวว่า ภาวะตึงเครียดทางการเมืองที่เกิดขึ้นทำให้เกิดภาวะ Knee-jerk ในสินทรัพย์Safe-Haven จึงจะเห็นได้ว่าภาพรวมทองคำปรับขึ้นได้ 8% ปีนี้

• ราคาซิลเวอร์ปรับลง 0.1% ที่ระดับ 16.06 เหรียญ หลังจากที่ลงไปแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 16.01 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 9 พ.ค.

• นักวิเคราะห์จาก FastMarkets ระบุว่า บรรดานักบริหารกองทุนได้ลดการถือครองทองคำในตลาดลงติดต่อกัน 3 สัปดาห์นับตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ได้คาดว่า แม้ในช่วงนี้จะเริ่มมีสัญญาณว่าตลาดทองคำกำลังจะเข้าสู่ขาลง แต่ยังคงมีปัจจัยอยู่ 2 อย่างที่จะช่วยราคาฟื้นกลับขึ้นมาได้

• ปัจจัยแรกก็คือ ราคาทองคำยังคงสามารถทรงตัวได้ดี แม้จะมีแรงกดดันจากการเทขายเข้ามาอย่างมาก แสดงให้เห็นว่ายังคงมีแรงหนุนจากผู้ซื้อทองคำแท่งอยู่ และปัจจัยที่สองคือ Net spec length ของทองคำในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 27% แสดงให้เห็นว่าปริมาณการเทขายทองคำเพื่อทำกำไร น่าจะมีอย่างจำกัด ประกอบกับการเทขายในครั้งนี้ยังน้อยกว่าเมื่อปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ การที่มีนักลงทุนบางส่วนเข้าซื้อในเดือนมิถุนายน บ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นในตลาดทองคำยังคงแข็งแกร่ง โดยในช่วงต่อๆไป บรรดานักลงทุนน่าจะมีการเข้าซื้ออย่างช้าๆ เพื่อบริหารความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน จึงน่าจะช่วยให้เกิดกระแสการเข้าซื้อจนราคาสามารถฟื้นขึ้นมาได้ นอกจากนี้ ตราบใดที่ราคายังไม่หลุดระดับ 1,214 เหรียญลงมา ความหวังที่ราคาจะฟื้นตัวได้ในเร็วๆนี้ก็ยังคงมีอยู่