ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นในวันนี้ ส่วนหนึ่งได้รับอานิสงส์มาจากภาวะอุปสงค์ที่แข็งแกร่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่ภาพรวมเงื่อนไขของตลาดน้ำมันยังคงอ่อนแรงจากภาวะอุปทานที่ยังคงอยู่และอาจเป็นปัจจัยที่สกัดกั้นอุปสงค์น้ำมันดิบในระยะยาว
ราคาน้ำมันดิบ Brent เคลื่อนไหวแถวระดับ 47.07 เหรียญ/บาร์เรล หรือปรับขึ้นมาประมาณ 0.4% จากระดับปิดเมื่อคืนนี้ ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 0.4% เช่นกัน มาเคลื่อนไหวแถวระดับ 44.56 เหรียญ/บาร์เรล
บรรดาเทรดเดอร์กล่าวว่าการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบในวันนี้ มาจากคาดการณ์ภาวะอุปสงค์น้ำมันที่คาดว่าจะขยายตัวได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแล้วประมาณ 17% ในปีนี้ แม้ว่าจะมีข้อตกลงในการร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกที่เริ่มมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่เดือนมกราคม
กลุ่มโอเปกและผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อื่นๆที่อยู่นอกโอเปกอย่างรัสเซีย บรรลุข้อตกลงในการลดกำลังการผลิตจำนวน 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน ระหว่างมกราคมปีนี้ จนถึงเดือนมีนาคมปี 2018
อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่าปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 10% นับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2016 ที่ระดับ 9.34 ล้านบาร์เรล/วัน ควบคู่กับการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในประเทศไนจีเรีย และเลิเบีย ซึ่งเป็นสองประเทศสมาชิกของกลุ่มโอเปกที่ได้ละเว้นจากข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิต ที่ถือเป็นปัจจัยที่เข้ากดดันตลาด
สำหรับปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือนมิถุนยนอยู่ที่ระดับ 25.92 ล้านบาร์เรล/วัน หรือเพิ่มขึ้น 450,000 บาร์เรล/วัน จากระดับ 1.9 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนพฤษภาคมและเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว
นักวิเคราะห์จาก BNP Paribas กล่าวว่า ความเป็นจริงแล้วกลุ่มโอเปกและรัสเซียต้องสู้กับความเป็นจริงที่ว่าปริมาณการผลิตมีการขยายตัวในทุกที่ จึงเป็นอุปสรรคต่อความพยายามของพวกเขาที่ต้องการปรับลดอุปทาน
ซึ่งทาง BNP Paribas หั่นคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบปีนี้และปีหน้า โดยมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับประมาณการณ์ก่อนหน้าดังนี้
นอกจากนี้ Barclays Bank ยังหั่นคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในปีนี้และปีหน้าเช่นกัน โดยคาดว่าน้ำมันดิบ Brent จะมีราคาเฉลี่ย 52 เหรียญ/บาร์เรลทั้งสองปี โดยลดลงจากระดับ 55 เหรียญ และ 57 เหรียญตามลำดับ
ที่มา: Reuters
