• ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้นเล็กน้อย 0.55 จุด ที่ระดับ 21,409.07 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -0.08% และดัชนี Nasdaq ปิดปรับขึ้น +0.27%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยตลาดประสบภาวะ Knee-jerk จากข่าวที่ว่าลูกชายคนโตของนายทรัมป์มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัสเซียในการช่วยเหลือพ่อของเขาในศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปีที่ผ่านมา จึงทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจต่างๆของทีมบริหารของนายทรัมป์
ทั้งนี้ มีอีเมล์ที่อ้างว่าลูกชายคนโตนายทรัมป์ มีการติดต่อกับรัฐบาลรัสเซียเพื่อขอข้อมูลลับของนางฮิลลารี คลินตัน เพื่อช่วยให้พ่อตนชนะเลือกตั้ง
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง หลังจากที่ นายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำพรรครีพับลิกันได้ประกาศเลื่อนช่วงเวลาการหยุดพักผ่อนของวุฒิสภาออกไปจนถึงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนส.ค. เพื่อให้วุฒิสภามีเวลามากขึ้นในการพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ ซึ่งรวมถึงร่างกฎหมายประกันสุขภาพ
• ตลาดหุ้นเอเชียทรงตัวในเช้าวันนี้หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯเผชิญกับภาวะผันผวนทางการเมืองครั้งใหม่ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นในการบริหารประเทศของทีมนายทรัมป์ ขณะเดียวกันนักลงทุนก็จับตาการรายงานการดำเนินนโยบายครึ่งปีของประธานเฟดในคืนนี้
ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิด +0.1% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิเปิด -0.3%
• นักกลยุทธ์จาก Daiwa Securities ระบุว่า ถ้อยแถลงของนางเยลเลน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ตลาดจับตารอคอย แต่โดยส่วนตัวเขาไม่คิดว่าจะส่งผลกระทบใดๆมากนักต่อตลาด
• นักบริหารเงินคาด เงินบาทสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 33.95-34.25 บาท/ดอลลาร์ โดยปัจจัยหลักจะอยู่ที่การแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ สร้างความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า เฟดมีโอกาสจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งก่อนสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ดี แรงหนุนขาขึ้นของเงินดอลลาร์ยังขาดความต่อเนื่อง โดยอัตราค่าจ้างซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยสะท้อนถึงเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มขยับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนการประชุม G20 ล่าสุดส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อตลาดการเงิน