• ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน จากกลุ่มนักลงทุนที่ละดกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการคุมเข้มทางการเงินของเฟด จึงทำให้นักลงทุนลดการถือครองสถานะในค่าเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 95.089 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ก.ย.ปีที่แล้ว ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 95.13 จุด
ภาพรวมของค่าเงินยูโรอยู่ในระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ พ.ค. ปี 2016 บริเวณ 1.1489 ดอลลาร์/ยูโร และเช้านี้ทรงตัวแถว 1.1471 ดอลลาร์/ยูโร ทางด้านค่าเงินปอนด์ก็ทำระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ก.ย. ปีที่แล้วเช่นกัน โดยวันศุกร์ค่าเงินปอนด์ดีดกลับได้ 1.2% ซึ่งเป็นการปรับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 3 เดือน ก่อนจะทรงตัวบริเวณ 1.3107 ดอลลาร์/ปอนด์ และค่าเงินเยนปรับแข็งค่าลงมาบริเวณ 112.49 เยน/ดอลลาร์
• ผลการประกาศข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ยังทรงตัวในเดือนมิ.ย. ประกอบกับข้อมูลยอดค้าปลีกที่ออกมาแย่ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ของสหรัฐฯ บ่งชี้ให้เห็นถึงภาวะเงินเฟ้อในระดับต่ำ และช่วยลดกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับความแข็งแกร่งของการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯไตรมาสที่ 2/2017
นอกจากนี้ รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมปรับลดลงเหลือเพียง 48% หลังจากทราบข้อมูลเศรษฐกิจวันศุกร์ โดยเป็นการลดลงจากผลสำรวจโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในวันก่อนหน้าที่ระดับ 55%
อย่างไรก็ดี ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินปรับขึ้นได้ หลังจากที่ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวว่า การขึ้นดอกเบี้ยนั้นจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
• นายโรเบิร์ต เคพแลนด์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวว่า เฟดอาจเริ่มต้นลดยอดงบดุลจำนวน 4.5 ล้านล้านเหรียญ เร็วที่สุดอาจเกิดขึ้นในเดือนกันยายนนี้ แต่เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น เขาต้องการให้เฟดอดทนรอ
อย่างไรก็ดี นายเคพแลนด์ คาดหวังว่า การปรับลดยอดงบดุลอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะเป็นวิธีที่ลดความผันวนต่อตลาดการเงิน ขณะเดียวกันสหรัฐฯเข้าใกล้ภาวะการจ้างงานอย่างเต็มรูปแบบ แต่เงินเฟ้อนั้นยังคงอ่อนตัว จึงอยากเห็นเฟดพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป
• สภาคองเกรสแห่งสหรัฐฯ เลื่อนการลงมตินโยบายประกันสุขภาพออกไปอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่นายจอห์น แมคเคน หัวหน้าพรรครีพับลิกันรัฐอาริโซน่า จำเป็นต้องพักรักษาตัวหลังจากการผ่าตัด
อย่างไรก็ดี หากนโยบายประกันสุขภาพจะสามารถผ่านการลงมติไปได้ จำเป็นต้องมีเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 50 เสียง ท่ามกลางสภาคองเกรสที่พรรครีพับลิกันครองที่นั่งด้วยจำนวน 52-48 ที่นั่ง ขณะที่โพลสำรวจชี้ สมาชิกพรรครีพับลิกันจำนวน 8 ใน 10 มีความไม่มั่นใจในนโยบายสุขภาพดังกล่าว
• สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าใน 2 ปีแรกของสหรัฐฯ หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ รับตำแหน่งประธานาธิบดี คาดการณ์จะอยู่ระดับ 2.50 แสนล้านเหรียญ ซึ่งสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ เนื่องจากปัญหาทางด้านการเก็บภาษีและการใช้งบประมาณทางการทหารที่ผิดพลาด
• รายงานล่าสุดจากรอยเตอร์ศ เผยว่า จีนปรับคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงระหว่างเดือน เม.ย. – มิ.ย. ว่าจะชะลอตัวลง 6.8% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับระดับ 6.9% ในปีก่อน ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ทางการของจีน ที่พยายามควบคุมความเสี่ยงในภาคอสังหาริมทรัพย์และระดับหนี้สิน
ทั้งนี้ กลุ่มผู้กำหนดนโยบายของจีนพยายามที่จะลดภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์และควบคุมยอดหนี้ไม่ให้เพิ่มขึ้น ท่ามกลางความกังวลว่า ความเสี่ยงดังกล่าวอาจเป็นอุปสรรคสำคัญในการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งหากไม่สามารถจัดการได้ ก็จะส่งผลให้เจ้าหน้าที่จะต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนและดำเนินการอย่างระมัดระวังก่อนเข้าสู่การประชุมนัดสำคัญในช่วงปลายปีนี้
• ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น 1% เพราะได้รับอานิสงส์จากกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯมีการขุดเจาะน้ำมันเพียง 2 แท่นเท่านั้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับอุปสงค์น้ำมันในจีนที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวนจากภาวะอุปทานน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 49 เซนต์ หรือคิดเป็น +1% ที่ระดับ 48.91 เหรียญ/บาร์เรล และน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 46 เซนต์ หรือคิดเป็น +1% เช่นกัน ที่ระดับ 46.54 เหรียญ/บาร์เรล
ภาพรวมในสัปดาห์ที่แล้วน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น +5.2% ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น +4.7%