MTS Help Center

นักลงทุนทุกท่านคงทราบกันดีว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด จะใช้ตัวเลขทางเศรษฐกิจเพื่อพิจารณาและกำหนดทิศทางต่อไปของนโยบายการเงิน รวมถึงคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต

ไม่ใช่แค่เฟดเท่านั้น เหล่านักลงทุนก็ใช้ตัวเลขทางเศรษฐกิจเพื่อวิเคราะห์ทิศทางต่อไปของตลาดเพื่อการลงทุนเช่นกัน ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาและการตอบสนองของตลาดหลังตัวเลขดังกล่าวถูกเปิดเผย ถือได้ว่าเป็นกรณีศึกษาที่เห็นได้ชัดที่สุดกรณีหนึ่ง

ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานของสหรัฐฯได้เปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index) ประจำเดือนมิถุนายน โดยตามรายงานตัวเลขแล้วออกมาทรงตัว แต่สำหรับบรรดานักลงทุนและเฟดถือว่าออกมาน่าผิดหวัง ซึ่งดัชนีตัวนี้ใช้เป็นตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อคือปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดทิศทางต่อไปของนโยบายการเงินสหรัฐฯ

จากตัวเลขที่ออกมาน่าผิดหวัง บรรดานักวิเคราะห์จึงคาดการณ์กันว่า เฟดน่าจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งภายในปีนี้ ขณะที่บรรดาธุรกิจต่างๆต้องเร่งดำเนินการอะไรสักอย่างเพื่อทำให้ผลประกอบการของตัวเองสูงขึ้น

การรายงานต่อสภาของประธานเฟด

เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้ขึ้นรายงานการดำเนินนโยบายการเงินครึ่งปีแรกต่อสภาคองเกรส ซึ่งถ้อยแถลงของเธอออกไปในเชิงผ่อนคลายทางนโยบายการเงินตามที่ตลาดตีความ

ผลลัพธ์

จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาน่าผิดหวัง ประกอบกับถ้อยแถลงเชิงผ่อนคลายการเงินของประธานเฟด ส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลงและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ปรับสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงมา 0.7% เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักส่วนใหญ่ สำหรับตลาดโลหะมีค่า ราคาทองคำสามารถปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 10 เหรียญ แถวระดับ 1,227.90 เหรียญ จนทำให้ภาพรวมตลาดเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวแบบ Sideways

ที่มา: Kitco