• ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเมื่อวานนี้ โดยสัญญาทองคำตลาด COMEXส่งมอบเดือนส.ค. ปรับขึ้น 6.20 เหรียญ หรือคิดเป็น +0.5% ที่ระดับ 1,233.7 เหรียญ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 30 มิ.ย. ขณะที่สัปดาห์ที่แล้วปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 1.5% หลังจากที่ปรับตัวลงติดต่อกัน 5 สัปดาห์
ทั้งนี้ ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้เป็นสัปดาห์แรกนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิ.ย. ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ ที่หนุนให้เกิดกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจไม่สามารถเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
• นักวิเคราะห์จาก Commerzbank วิเคราะห์ว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเหนือระดับเส้นค่าเฉลี่ยสำคัญทางเทคนิคบริเวณ 200 วันบริเวณ 1,230 เหรียญ ซึ่งหากทองคำยังปรับตัวขึ้นได้เหนือระดับดังกล่าวก็มีโอกาสเห็นแรงซื้อตามทางเทคนิคเพิ่มขึ้น
• หัวหน้านักกลยุทธ์จาก iiTrader กล่าวว่า แนวต้านสำคัญของทองคำจะอยู่แถวระดับ 1,236 – 1,240 เหรียญ ซึ่งราคาต้องปิดเหนือระดับดังกล่าวได้ ราคาทองคำจึงจะกลับเป็นขาขึ้นอีกครั้ง
• การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำล่าสุดวานนี้ มาจากการที่ดัชนีภาวะธุรกิจภาคการผลิตโดยรวมของสหรัฐฯ (Empirestate Manufacturing Index) ออกมาแย่ลงกว่าที่คาดในเดือนกรกฎาคมสู่ระดับ 9.8 จุด จากระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีบริเวณ 19.8 จุดในเดือนก่อนหน้า จึงยิ่งตอกย้ำกับทิศทางข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ อันได้แก่ ข้อมูลเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกที่อ่อนตัว และส่งสัญญาณความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดอาจเป็นอุปสรรคต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ รวมทั้งการปรับลดยอดงบดุลจำนวน 4.5 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งการที่เฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำจะยังเป็นปัจจัยที่เกื้อหนุนราคาทองคำ แต่ไม่หนุนค่าเงินดอลลาร์
• หัวหน้านักวิเคราห์จาก BullionVault กล่าวว่า การที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ใกล้ระดับศูนย์เป็นเวลานาน จะยิ่งสร้างความผันผวนเพิ่มขึ้นต่อความเชื่อมั่นตลาดในการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางต่างๆ ดังนั้น ราคาทองคำน่าจะมีการแกว่งตัวมากขึ้นจากการที่บรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยังคงเดินหน้าจะขึ้นดอกเบี้ย
• กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ ทำการขายทองคำออกอีก 1.77 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ระดับ 827.07 ตัน
• สัญญาซิลเวอร์ส่งมอบเดือนก.ย. ปิดปรับขึ้น 16.6 เซนต์ หรือคิดเป็น +1% ที่ระดับ 16.10 เหรียญ หลังจากที่ปรับขึ้นได้ 3.7%ในสัปดาห์ที่แล้ว