• ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี ขณะเดียวกันดอลลาร์อ่อนค่า จากความไม่แน่อนเกี่ยวกับนโยบายประกันสุขภาพของสหรัฐฯ ประกอบกับนักลงทุนเกิดกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดน่าจะมีท่าทีระมัดระวังมากขึ้นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่่ปุ่น เคลื่อนไหวทั้งแดนบวกและแดนลบในระหว่างวันทำการ แต่ยังคงอยู่ในทิศทางที่ดีหลังจากที่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดได้นับตั้งแต่เม.ย. ปี 2015 ในวาระซื้อขายวานนี้
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายสุขภาพของทรัมป์เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ นายเจอรีย์ มอร์แรน และนายไมค์ ลี สองวุฒิสมาชิกอาวุโสของพรรครีพับลิกัน แสดงท่าทีไม่ห็นด้วยต่อกฎหมายสุขภาพฉบับใหม่ที่จะมาแทนที่ Obamacare โดยปราศจากเสียงสนับสนุนที่เพียงพอเพื่อให้ผ่านร่างกฎหมาย
อย่างไรก็ดี ภาพรวมความเชื่อมั่นในตลาดเอเชียยังคงแข็งแกร่งขานรับข้อมูลเศรษฐกิจจีนวานนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนสามารถขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งเกินคาดที่ระดับ 6.9% ในไตรมาส 2 นี้ จึงช่วยผ่อนคลายว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวได้ตามเป้าที่ทางการตั้งเป้าไว้
ตลาดหุ้นจีนวันนี้เผชิญแรงเทขายทกำไรบางส่วน แต่ก็มีแรง Sell-off เข้ามายื้อตลาดบางส่วน แต่ก็จะเห็นได้ว่าทั้งหุ้นกลุ่มBlue chip อย่างดัชนี CSI300 และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมพสิตปรับตัวลงในช่วงเช้าก่อนจะกลับตัวขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้
• ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินเยน โดยดัชนี Nikkei ปิด-0.6% ที่ระดับ 19,999.91 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา
• ตลาดหุ้นจีนปรับร่วงต่อเนื่อง ท่ามกลางแรงกดดันจากการเทขายจากหุ้นรายย่อยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน แม้ตัวเลขเศรษฐกิจจีนประจำไตรมาสที่ 2/60 จะออกมาแข็งแกร่งก็ตาม โดยดัชนี Shanghai Composite ปรับลดลง 0.6% ที่ระดับ 3,156.76 จุด
• ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกัน 7 วันทำการ ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่มพลังงาน ช่วยชดเชยความสูญเสีญของหุ้นกลุ่มการเงิน โดยดัชนี Hang Seng ปิด+0.2% ที่ระดับ 26,524.94 จุด