• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 19 กรกฏาคม 2560

    19 กรกฎาคม 2560 | Economic News


 


·         ค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าทำระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรและฟรังก์สวิส ในรอบกว่า 1 ปี โดยดัชนีดอลลาร์ลงไปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 10 เดือน เนื่องจากนักลงทุนลดความเชื่อมั่นในแผนเศรษฐกิจของนายทรัมป์

นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังไม่มั่นใจว่าเฟดจะสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกครั้งในปีนี้หรือไม่ ขณะที่บรรดาธนาคารกลางต่างๆ อาทิ อีซีบี และบีโออี มีการส่งสัญญาณจะดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงินเพิ่มขึ้น

- ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงมาทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. บริเวณ 94.476 จุด ขณะที่ค่าเงินฟรังก์สวิสแข็งค่าขึ้นแตะ 0.9525 ดอลลาร์/ฟรังก์สวิส ซึ่งถือเป็นระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิ.ย. ปีที่แล้ว ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์บริเวณ 111.69 เยน/ดอลลาร์

- ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นมาบริเวณ 1.1583 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งถือเป็นระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค. ปี 2016 และเช้านี้ทรงตัวยริเวณ 1.1551 ดอลลาร์/ยูโร โดยการที่ค่าเงินอ่อนตัวลงมาเล็กน้อย มาจากการที่กลุ่มนักลงทุนไม่มั่นใจว่าการประชุมอีซีบีในวันพรุ่งนี้จะมีสัญญาณการคุมเข้มทางการเงินมากน้อยเพียงไร

- สำหรับดัชนีดอลลาร์มีการปรับอ่อนค่าลงมาแล้วประมาณ 7.5% นับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นปีนี้ โดยได้รับผลกระทบจากความไม่มั่นใจในการดำเนินนโยบายกระตุ้นทางการเงินของนายทรัมป์ ที่ดูจะไม่สดใสนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมี.ค.

·         พรรครีพับลิกันมีการเปิดเผยแผนงบประมาณฉบับปี 2018 ในวงเงิน 4 ล้านล้านเหรียญ โดยแผนฉบับนี้จะเป็นขั้นตอนแรกเพื่อนำไปสู่แนวทางการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ แต่ก็ดูเหมือนว่าร่างงบประมาณดังกล่าวจะเผชิญกับปัญหาสำคัญระหว่างรีพับลิกันและพรรคการเมืองอื่นๆที่อาจกดดันให้ความพยายามของทีมบริหารล้มเหลวเช่นเดียวกับความพยายามในการหาร่างกฎหมายสุขภาพเพื่อมาแทนที่ Obamacare

ซึ่งแผนงบประมาณอาจสร้างความขัดแย้งครั้งใหม่ รวมทั้งอาจไปส่งผลเกี่ยวเนื่องต่อการปรับลดภาษีในอนาคตสำหรับภาคธุรกิจและนิติบุคคล ประมาณ 2.03 แสนล้านเหรีญญจากการปรับลดค่าใช้จ่ายข้างต้น ที่อาจเกิดขึ้นจากการลดสิทธิประโยชน์ของคนยากจน

ทั้งนี้ การผลักดันร่างกฎหมายสุขภาพของพรรครีพับลิกันที่จะมาแทนที่ Obamacare นั้น ประสบความล้มเหลวในสภาฯเมื่อวานนี้ หลังจากที่เกิดการเสียงแตกระหว่างสมาชิกในสภาบางส่วนที่ต้องการรักษาผลประโยชน์ด้านสุขภาพให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ขณะที่พรรครีพับลิกันต้องการปรับลดงบประมาณด้านนี้

·         รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า เมื่อวานนี้ทางทำเนียบขาวเปิดเผยรายละเอียดว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังหาวิธีปกป้องสินค้าที่ผลิตโดยชาวอเมริกา ซึ่งต้องมีการรับรองสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐฯ รวมไปถึงสินค้านำเข้าประเภทสินค้ากีฬาที่มีการติดสัญลักษณ์ “Made in America”

·         น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 42 เซนต์ ที่ระดับ 48.84 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 38 เซนต์ ที่ระดับ 46.40 เหรียญ/บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นวานนี้ ท่ามกลางปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบในประเทศซาอุดิอาระเบียที่ปรับลดลง รวมทั้งอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งจึงช่วยบดบังภาวะอุปทานในตลาดบางส่วน แต่การตัดสินใจของประเทศเอกวาดอร์ที่จะออกจากข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกที่มีแนวโน้มจะส่งผลให้เกิดความซับซ้อนมากขึ้น

·         การส่งออกน้ำมันดิบของประเทศซาอุดิอาระเบียในเดือนพ.ค. ปรับลดลงสู่ระดับ 6.924 ล้านบาร์เรล/วัน จากระดับ 7.006 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนเม.ย.

·         ตลาดน้ำมันก็มีสัญญาณอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง หลังจากเมื่อวันจันทร์จีนเผยข้อมูลปริมาณการกลั่นน้ำมันให้แก่ผู้อุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นในเดือนมิ.ย. โดยเป็นการปรับขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ครั้งที่ 2

·         แม้ว่ากลุ่มโอเปกจะมีข้อตกลงควบคุมกำลังการผลิต แต่ประเทศสมาชิกอย่างไนจีเรีย และลิเบียก็ได้ขอยกเว้นในการร่วมมือดังกล่าว ขณะที่ประเทศเอกวาดอร์ กล่าวว่า อาจไม่ดำรงอยู่ในข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตจำนวน 26,000 บาร์เรล/วันนานเกินไป เพราะอาจสร้างปัญหาทางการเงินให้แก่ประเทศได้

รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของเอกวาดอร์ เผยว่า ในประเทศมีการปรับลดกำลังการผลิตลงมากถึง 60% ทำให้ปัจจุบันมีกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 545,000 บาร์เรล/วัน

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com