· ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงทำระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปีเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร หลังจากที่เมื่อวานนี้ นายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบีส่งสัญญาณความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายการเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย. – พ.ย.) ปีนี้
และถึงแม้ว่าในการประชุมล่าสุด ประธานอีซีบีจะไม่ได้กำหนดวันหารือในการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมเข้าซื้อใดๆ แต่นักลงทุนก็คาดหวังต่อสัญญาณที่ประธานอีซบีได้ส่งมาเกี่ยวกับการตัดสินใจที่อาจจะเปลี่ยนแปลงการดำเนินนโยบาย ว่าในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้อาจมีการส่งสัญญาณคุมเข้มทางการเงินในปีหน้าได้
- ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นมาบริเวณ 1.1655 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งถือเป็นการตอบรับกับถ้อยแถลงดังกล่าวกว่า 1.2% และระดับแข็งค่าดังกล่าวเป็นระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ง ส.ค. ปี 2015 รวมทั้งทำให้ภาพรายวันปรับตัวขึ้นได้มากที่สุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์
- ด้านดัชนีดอลลาร์ร่วงลงแตะ 94.090 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบปี ก่อนจะทรงตัวบริเวณ 94.286 จุด
- ด้านค่าเงินเยนทรงตัวแถวระดับ 111.96 เยน/ดอลาร์ หลังจากที่ลงไปแตะระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์บริเวณ 111.49 เยน/ดอลลาร์ในช่วงเช้าวานนี้ ท่ามกลางบีโอเจที่ยังคงนโยบายการเงิน แต่ปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อ
· นายพอล ไรอัน โฆษกประจำทำเนียบขาวแห่งสหรัฐฯ เผย พรรครีพีบลิกันใกล้ที่จะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับร่างนโยบายปฏิรูปภาษีในเรื่องของการลดภาษีของธุรกิจได้แล้ว แต่ยังคงไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเก็บภาษีนำเข้า-ส่งออกแต่อย่างใด
· รายงานล่าสุดจากรอยเตอร์ส ดูเหมือนว่า จะมีสัญญาณเชิงบวกต่อการหารือข้อตกลงทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่ดูใกล้จะบรรลุข้อตกลงร่วมกัน โดยทางการจีนกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นชอบข้อตกลงในการดำเนินการและมาตรการที่มีประสิทธิภาพรว่มกัน เพื่อลดภาวะการผลิตเหล็กส่วนเกินที่เกิดขึ้นทั่วโลก
· นักการทูตระดับสูงของแคนาดาและเม็กซิโก แสดงแนวโน้มเชิงบวกว่า ข้อตกลง NAFTA อาจบรรลุผลร่วมกันได้ในช่วงต้นปีหน้า แต่ต้องระมัดระวังความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตจากข้อตกลงร่วมกันทางการค้าของ 3 ประเทศ เพราะอาจส่งผลให้การลงทุนในภาคธุรกิจชะลอตัวได้ ดังนั้นจึงเรียกร้องให้เกิดการเร่งเจรจาร่วมกันอีกครั้ง ก่อนจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีเม็กซิโกคนต่อไปที่จะเกิดขึ้นในช่วงปีหน้าเช่นกัน ซึ่งทางเม็กซิโกไม่ต้องการให้มีการหารือข้อตกลงการค้าในระหว่างที่มีการหาเสียงเลือกตั้ง
· รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ดูเหมือนว่า นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษดูจะลดความกังวลเกี่ยวกับ Brexit ที่จะส่งผลต่อธุรกิจของอังกฤษ โดยนางเมย์ ระบุว่า ต้องการให้ก้าวออกจากอียูอย่างราบรื่น เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงใดๆที่จะเกิดขึ้น
· เมื่อวานนี้ ไอเอ็มเอฟ เปิดเผยว่ามีการอนุมัติเงินกู้จำนวน 1.8 พันล้านเหรียญให้แก่กรีซ ที่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการรับความช่วยเหลือทางการเงินระยะยาวเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี
· รัฐบาลบราซิลมีการเพิ่มการอัดฉีดค่าใช้จ่ายราว 5.9 พันล้านเรียล หรือ 1.9 พันล้านเหรียญให้แก่รัฐบาลในปีนี้ และการเพิ่มภาษีน้ำมันดีเซล, อีเธอนอล และแกสโซลีน เพื่อให้มีผลกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 1.04 หมื่นล้านเรียล เพื่อให้ครอบคลุมต่อช่องว่างด้านงบประมาณในปีนี้ เพื่อเสริมความมุ่งมั่นในการจัดการด้านการเงินให้มีศักยภาพ ท่ามกลางการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยังประสบภาวะอ่อนแอ
· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายปานกลาง จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับสูงเกินไปจึงจำกัดการปรับตัวของราคาน้ำมัน หลังจากที่ช่วงต้นตลาดราคาน้ำมันดิบ Brent พุ่งทะยานเหนือ 50 เหรียญ ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 40 เซนต์ หรือคิดเป็น -0.8% ที่ระดับ 49.30 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 33 เซนต์ ที่ระดับ 46.79 เหรียญ/บาร์เรล
· เหล่าเทรดเดอร์มองว่า ราคาน้ำมันดิบจะทรงตัวในระดับนี้ไปก่อน จนกว่าจะทราบการประชุมของกลุ่มโอเปกและสมาชิกนอกโอเปกในวันจันทร์หน้า ที่รัฐเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย นอกจากนี้ ตลาดยังให้ความสำคัญต่อรายงานของซาอุดิอาระเบีย ที่กำลังตัดสินใจจะเพริ่มการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อลดภาวะอุปทานตลาดโลก