· ดัชนีดาวโจนส์ปิด -0.15% ที่ระดับ 21,580.07 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -0.04% และดัชนี Nasdaq ปิด -0.04%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดอ่อนตัวลงในคืนวันศุกร์ เพราะได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการของบริษัทภาคอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่อ่อนตัวลงอย่างบริษัท General Electric ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงกดดันหลังจากที่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงจากราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัว
โดยภาพรวมดัชนี S&P และNasdaq ยังคงปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลดลงในเช้านี้ โดยตลาดให้ความสำคัญไปยังการอ่อนตัวของค่าเงินดอลลาร์และการประชุมเฟดที่จะเกิดขึ้นช่วงกลางสัปดาห์นี้ โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -0.86 ที่ระดับ 19,926.49 จุด ขณะที่ดัชนี Topix เปิด -0.93% และทางด้านดัชนีKospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.15%
ทางด้านตลาดหุ้นออสเตรเลียเช้านี้เปิด -0.81% ที่ระดับ 5,676.4 จุด ซึ่งเป็นระดับการร่วงลงที่มากที่สุด เพราะได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มการเงินที่เปิด -1% จากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ร่วงลง โดยจะเห็นได้ว่าหุ้นธนาคาร ANZ เปิด -1%, หุ้นธนาคาร Commonwealth Bank เปิด -0.88%, หุ้นธนาคาร Westpac เปิด -0.99% และหุ้นธนาคารกลางออสเตรเลียเปิด -1.07%
· นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 33.30 - 33.70 บาท/ดอลลาร์ โดยต้องจับตาผลการประชุมเฟด ในวันที่ 25-26 ก.ค. นี้ รวมถึงประเด็นความตึงเครียดทางการเมืองในสหรัฐฯ ประกอบกับติดตามการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.ค. ยอดขายบ้านมือสอง, ยอดขายบ้านใหม่, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย,. ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ค., และจีดีพีประจำไตรมาส 2/2017