· ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 100.26 จุด หรือคิดเป็น +0.47% ที่ระดับ 21,613.43 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.29% ที่ระดับ 2,477.08 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +0.02% ที่ระดับ 6,412.17 จุด
เมื่อคืนนี้ ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นทำสูงสุดต่อเนื่อง โดยได้รับอานิสงส์จากผลประกอบการภาคบริษัทที่ออกมาดีขึ้นเกินคาดจากบริษัท McDonald’s และ Caterpillar รวมทั้งการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารด้วย
ขณะที่ดัชนี Nasdaq ยังปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าผลประกอบการบริษัท Google ในนาม Alphabet ปรับตัวลดลง และหุ้น Alphabet ปิด -2.9%
ทางด้านดัชนีดาวโจนส์ ปิดใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะได้รับแรงหนุนจากข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางแนวโน้มของตลาดแรงงานที่สดใสจึงช่วยหนุนความเชื่อมั่นของตลาดในทิศทางขาขึ้น
· เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ และการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ โดยจะเห็นได้ว่า ดัชนีนิกเกอิเปิด +0.73% ท่ามกลางการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินเยน ประกอบกับหุ้นกลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่รายงานผลประกอบการบริษัท Misubishi Motors ออกมาดีขึ้นกว่าที่คาด
อย่างไรก็ดี ภาพรวมค่าเงินดอลลาร์ยังคงทรงตัว จากการที่กลุ่มนักลงทุนรอคอยการตัดสินใจของเฟดในคืนนี้ เพื่อหาสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการคุมเข้มทางการเงิน โดยคาดว่าการประชุมวาระนี้ เฟดจะตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ย แต่ตลาดให้น้ำหนักไปยังสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดยอดงบดุลของเฟดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด รวมทั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไปด้วย
· นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.40-33.50 บาท/ดอลลาร์เช่นเดิม โดยตลาดรอคอยผลประชุมเฟดคืนนี้